รู้จัก “Superintelligence” โปรเจกต์ใหม่จาก Meta ที่ทำให้ Mark ทุ่มทุนล่าหัวกะทิจาก OpenAI

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จัก “Superintelligence” โปรเจกต์ใหม่จาก Meta ที่ทำให้ Mark ทุ่มทุนล่าหัวกะทิจาก OpenAI

Date Time: 18 มิ.ย. 2568 14:03 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ทำความรู้จัก "Superintelligence" โปรเจกต์ใหม่ของ Mark Zuckerberg แห่ง Meta ที่ต้องการจะพัฒนา AI ระดับความสามารถเหนือมนุษย์ ซึ่งล่าสุดได้ทุ่มเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ดึง Scale AI และผู้ก่อตั้งมาร่วมทีม และยังมีแผนที่จะรับมาร่วมทีมเพิ่มอีกกว่า 50 คนเพื่อปั้น AGI โดยเฉพาะ

Latest


ก่อนหน้านี้ Meta บริษัทแม่เจ้าของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ได้ทำการประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ถึง 14,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรกับ Scale AI เพื่อจัดตั้งห้องแล็บวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งใหม่ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง “Superintelligence” หรือระบบ AI ที่ทรงพลังเหนือกว่าสมองมนุษย์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในสมรภูมิแข่งขันเทคโนโลยีระดับโลก

ห้องแล็บแห่งใหม่นี้จะนำโดย Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Scale AI ที่ทาง Meta ดึงตัวเข้ามาผ่านข้อตกลงการลงทุนในบริษัทของเขา นอกจากนี้ Meta ยังเสนอค่าตอบแทนรูปแบบโบนัสสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชั้นนำ (ซึ่งรวมไปถึงคนจาก OpenAI) เพื่อดึงดูดบุคลากรฝีมือดีเข้าสู่ทีมงานแล็บนี้

แม้ข่าวการก่อตั้งแล็บนี้จะสร้างความฮือฮาในแวดวงเทคโนโลยี แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ “Superintelligence” จริง ๆ แล้วคืออะไร และจะมีบทบาทอย่างไรในโลกยุคใหม่กันแน่?

“Superintelligence” คืออะไร?

Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta กำลังเดินหน้าจัดตั้งทีมใหม่เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง “Artificial General Intelligence” (AGI) หรือระบบ AI ที่มีความสามารถรอบด้านเทียบเท่าสมองมนุษย์ หลังจากที่มีเสียงวิจารณ์ภายในที่ไม่พอใจกับประสิทธิภาพของโมเดล AI ปัจจุบัน โดยทีมนี้เรียกกันภายในว่า “Superintelligence Group” ซึ่งจะเป็นกำลังหลักในการยกระดับความสามารถของ AI ทั่วทั้งองค์กร

ในขณะนี้ หลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง OpenAI และ Google ต่างกำลังพัฒนา AGI กันอย่างขันแข็ง แม้ว่าจะยังไม่เห็นเป้าหมายชัดเจนว่าจะสำเร็จได้อย่างไร หรือเมื่อไร และในช่วงหลังมานี้ ผู้นำในซิลิคอนวัลเลย์เริ่มพูดถึงคำว่า “Superintelligence” ซึ่งหมายถึงระบบที่ทรงพลังยิ่งกว่า AGI แม้ว่านิยามของคำนี้จะยังคลุมเครือ แต่ก็ถูกใช้อธิบายถึงระบบที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในระดับที่ยังไม่เคยมีมาก่อน

เบื้องหลังการเร่งตั้งทีมใหม่ในครั้งนี้ของ Meta สืบเนื่องมาจากกระแสตอบรับที่ไม่เป็นไปตามเป้ากับโมเดล Llama 4 รุ่นล่าสุดของ Meta ที่ได้ทำการเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งโมเดลนี้ไม่สามารถทำผลงานหรือมีประสิทธิภาพดีพอ จนทำให้แผนการเปิดตัวเวอร์ชันถัดไปที่ใช้โค้ดเนมว่า “Behemoth” ก็ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน

กลุ่ม Superintelligence นี้คาดว่าจะกลายเป็นแกนกลางสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคตของ Meta เช่น ระบบปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalization) และเครื่องมือเสียง (Voice Tools) และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าทีมใหม่นี้จะเชื่อมโยงกับทีม AI ที่มีอยู่เดิมอย่างไร แต่มีรายงานว่ามีการโยกย้ายภายในทีมเกิดขึ้นแล้ว

เร่งหาคนเติมทีม “Superintelligence”

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ได้จัดประชุมส่วนตัวกับผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อเฟ้นหาบุคลากรระดับหัวกะทิ โดยมีแผนจะรับนักวิจัยและวิศวกรเข้าร่วมทีมใหม่ประมาณ 50 คน ซึ่งรวมถึงหัวหน้าฝ่ายวิจัย AI คนใหม่ด้วย พร้อมกับสั่งปรับพื้นที่ทำงานภายในสำนักงานใหญ่ที่ Menlo Park เพื่อให้ทีมใหม่นี้นั่งใกล้ตัว Mark Zuckerberg โดยตรงด้วย

ภายใต้ความพยายามครั้งใหม่นี้ Meta เตรียมลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐใน Scale AI บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดเตรียมข้อมูลฝึก AI และให้บริการ AI กับองค์กรและภาครัฐ โดยการลงทุนดังกล่าวได้กลายเป็นดีลใหญ่ที่สุดของ Meta ที่เคยลงทุนภายนอกบริษัท และทำให้มูลค่าของ Scale AI แตะระดับ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย

การลงทุนใน Scale AI จะเป็นการดึงตัว Alexandr Wang ผู้ก่อตั้ง Scale AI มาเข้าร่วม และคาดว่าหุ้นของ Alexandr Wang จะมีมูลค่าเกิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย

ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานด้วยว่า Mark Zuckerberg ได้ยื่นข้อเสนอให้กับบุคลากรของ OpenAI โดยมีทั้งโบนัสเซ็นสัญญาสูงสุดกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแพ็กเกจค่าตอบแทนรายปีที่สูงยิ่งกว่าเดิม เพื่อดึงตัวทีม AI ชั้นนำไปสร้างกลุ่ม Superintelligence ให้กับ Meta จนด้าน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ต้องออกมาแสดงความเห็นว่า “มันบ้ามากเลยครับ และจนถึงตอนนี้ พนักงานระดับท็อปของเรายังไม่มีใครตัดสินใจย้ายไปเลย”

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า Mark Zuckerberg ได้จัดงานเลี้ยงอาหารส่วนตัวเพื่อพูดคุยกับนักวิจัยและวิศวกร พร้อมอธิบายถึงวิสัยทัศน์ว่า Meta สามารถลงทุนพัฒนา AI ในระยะยาวได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินทุนจาก VC ใด ๆ ทั้งสิ้น

ที่ผ่านมา Meta ยังได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนทุ่มงบสำหรับการสร้าง Data Center แห่งใหม่ โดย Mark Zuckerberg ได้บอกกับว่าที่พนักงานใหม่ว่า Meta มีศักยภาพด้านการเงินมากพอจะสร้าง Data Center ระดับหลายกิกะวัตต์ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินทุนจากภายนอก เนื่องจากธุรกิจโฆษณาของบริษัทถือเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ