- ไฮไลต์ภาพรวมงาน WWDC 2025 ของ Apple ที่ปีนี้เน้นไปที่การผสาน Apple Intelligence เข้ากับทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Apple พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
- Tim Cook, CEO ของ Apple กล่าวในช่วง Keynote ว่า “Apple ยังคงเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งหมด ด้วยการต่อยอด Apple Intelligence ให้ทรงพลังยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับดีไซน์ใหม่ที่สวยงาม”
เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืน (เวลาไทย) กับงานประจำปีของ Apple อย่าง WWDC 2025 ที่ทาง Apple ได้ออกมาอัปเดตผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยในปีนี้ก็หนีไม่พ้นเรื่องของ Apple Intelligence หรือ AI ของ Apple ที่มุ่งพัฒนามาตั้งแต่ปีที่แล้ว
Craig Federighi, Senior Vice President of Software Engineering ของ Apple
“Apple ยังคงเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งหมด ด้วยการต่อยอด Apple Intelligence ให้ทรงพลังยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับดีไซน์ใหม่ที่สวยงาม” Tim Cook, CEO ของ Apple กล่าวในช่วง Keynote พร้อมส่งไม้ต่อให้ Craig Federighi, Senior Vice President of Software Engineering ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple
โดยใน WWDC บนเวที Keynote รอบนี้เน้นไปที่เรื่องของการผสาน Apple Intelligence เข้ากับทุก ๆ แอปฯ ทุก ๆ อุปกรณ์ของ Apple พร้อมกับการปฏิวัติดีไซน์ครั้งใหม่ที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะบุคคล ล้ำสมัย และที่สำคัญที่สุด Apple ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ โดยไฮไลต์ภายในงาน WWDC 2025 มีดังนี้
Apple Intelligence หัวใจหลักของ Apple
Apple Intelligence กลายเป็นหัวใจของทุกระบบ: ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac, Vision Pro หรือแม้แต่ Apple Watch
เปิด Phone App บน Mac โดยสามารถใช้ Call Screening, Hold Assist, Translation ได้เหมือนกับ iPhone
ใช้ Apple Intelligence สร้าง Shortcut แบบใหม่ อย่างเช่น สร้าง Tagline ให้เอกสารได้เลยแบบอัตโนมัติ
iPadOS 26 อัปเกรดครั้งใหญ่ มีแถบเมนู เพิ่มหน้าต่างได้เหมือน Mac
การปรับโฉมใหม่ของ iPad บน iPadOS 26 มีแถบเมนู เพิ่มหน้าต่างได้เหมือน Mac
ปรับครั้งใหญ่ให้ iPad ทำงานได้แบบ Multitasking เพิ่ม จัดตำแหน่ง ยืด หด หน้าต่างได้เหมือนบน Mac
มี Menu Bar และ Expose เหมือน macOS โดยสามารถทำงานได้หลายแอปพร้อมกัน Files App รองรับ Folders in Dock และเพิ่ม Preview เข้ามาใหม่ (จากเดิมมีแค่บน macOS) ให้จัดการ PDF ได้เลยทันที
พร้อมฟีเจอร์ใหม่ด้านเสียงและวิดีโอ อย่างเช่น บันทึกเสียงได้แบบ Studio Quality ด้วย AirPods และฟีเจอร์ Local Capture แยกบันทึกวิดีโอกับเสียงคุณภาพสูงในการสัมภาษณ์หรือ Podcast ได้
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ประมาณหกนาทีหลังเริ่มงานนำเสนอ หุ้นของ Apple ร่วงลงทันทีมากกว่า 2.5% จากราว ๆ 206 ดอลลาร์ เหลือต่ำกว่า 201 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าตลาดที่หายไปประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากเรื่องของ Siri ที่ Apple ตั้งใจจะพัฒนาให้ Siri เป็นผู้ช่วยที่รักษาความส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่จะต้องใช้เวลาในการพัฒนา
Craig Federighi กล่าวว่า “เรายังคงพัฒนาฟีเจอร์ที่จะทำให้ Siri เป็นผู้ช่วยที่ส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่การพัฒนาเหล่านี้ยังต้องใช้เวลาเพิ่ม เพื่อให้ถึงมาตรฐานคุณภาพระดับสูงของเรา และหวังว่าจะได้แบ่งปันความคืบหน้าเพิ่มเติมในปีหน้า”
ทั้งนี้ iOS 26 จะรองรับใน iPhone 11 ขึ้นไป ส่วนฟีเจอร์ Apple Intelligence จะรองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ชิป A17 Pro ขึ้นไป เช่น iPhone 16 ทุกรุ่น, iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max, iPad mini (A17 Pro) รวมถึง iPad และ Mac ที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป
Tim Cook, CEO ของ Apple
ในช่วงท้าย Tim Cook ยังได้เน้นย้ำอีกครั้งว่า Apple Intelligence ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ แต่เป็น “พลังหลัก” ที่จะอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple ไปอีกยาวนาน พร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ใช้งานข้ามแพลตฟอร์มอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกับกล่าวขอบคุณนักพัฒนาทั่วโลกที่ร่วมกันสร้างนวัตกรรมกับ Apple และทิ้งท้ายอย่างกระชับด้วยการเชิญชวนผู้ร่วมงาน WWDC ตลอดทั้งสัปดาห์ให้ตั้งตารอเวิร์กช็อป เซสชัน และการพบปะกับทีมวิศวกร Apple ซึ่งเป็นหัวใจของงานนี้