
ดีลใหญ่แห่งปี เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาพร้อมกับผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ จับมือกันร่วมทัวร์ตะวันออกกลางพร้อมกับประธานาธิบดี เริ่มต้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันอังคารที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา หารือกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในข้อตกลงด้านเทคโนโลยี AI
สำหรับผู้นำจากบิ๊กเทคที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้นำโดย Elon Musk (Tesla, Starlink), Jensen Huang (Nvidia), Lisa Su (AMD), Andy Jassy (Amazon), Ruth Porat (Google), Sam Altman (OpenAI), Arvind Krishna (IBM), Alex Karp (Palantir) ตลอดจน Cristiano Amon (Qualcomm)
โดยการแสดงตัวของเหล่าผู้นำบิ๊กเทคครั้งนี้ นับเป็นงานใหญ่ครั้งที่ 2 ของปีหลังจากพิธีสาบานตนของโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อต้นปี ซึ่งภายในงานพบปะครั้งนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย ทรัมป์ประกาศชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาว่า “อย่างที่คุณรู้ เรามีผู้นำธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาที่นี่ และพวกเขาจะกลับบ้านพร้อมกับเช็คหลายใบ” พร้อมได้รับเงินทุนจากซาอุฯ รวมแล้วกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาด้าน AI กลับบ้าน
การประกาศดีลนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการทัวร์ตะวันออกกลาง (Tour of Gulf States) ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเริ่มต้นที่ซาอุดีอาระเบีย ด้วยการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ หวังดึงเงินลงทุนระดับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ ขณะที่ The New York Times รายงานว่า สหรัฐฯ กำลังเจรจาเพื่อให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE สามารถซื้อชิป AI จาก Nvidia ปริมาณมหาศาลด้วยเช่นกัน
การเดินทางเยือนตะวันออกกลางในวาระนี้ของทรัมป์ สะท้อนโมเดล “การทูตเชิงพาณิชย์” (Commercial Diplomacy) โดยที่ทรัมป์เลือกให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่ และแม้กระทั่งครอบครัวและคนใกล้ตัวเข้ามามีบทบาทในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยมองว่าผู้นำธุรกิจเปรียบเสมือน “ทูตเชิงนโยบาย”
ทั้งนี้ ดีลนี้ไม่ได้มีแค่บริษัทสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์ เพราะทางซาอุฯ ได้ทำการเปิดตัวบริษัท DataVolt ได้เตรียมเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลและพลังงานในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยังระบุว่า บริษัทสหรัฐฯ อาทิ Google, Oracle, Salesforce, AMD และ Uber จะลงทุนรวมกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเทคโนโลยี AI ขั้นสูงทั้งในซาอุฯ และสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดออกมาชัดเจน
นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียภายใต้การนำของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ต้องการจะผลักดันประเทศให้พ้นจากการพึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก ด้วยการหันมาสร้างศูนย์กลางนวัตกรรม AI ระดับโลก โดยล่าสุดยังได้เปิดตัวบริษัท Humain อย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI แบบครบวงจรในประเทศ
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ก็เริ่มถูกตั้งคำถามจากผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงว่า การเปิดทางให้ต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศปกครองแบบอำนาจนิยม เข้าถึงเทคโนโลยีกลยุทธ์อย่าง ชิป AI ระดับสูง อาจทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงพึ่งพาต่างชาติมากเกินไปในระยะยาว
ภายในงานโดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ที่ผลักดันให้ผู้นำธุรกิจจากซิลิคอนวัลเลย์ขึ้นเวที ตลอดจนประกาศดีลระดับโลกร่วมกับตะวันออกกลาง โดยดีลใหญ่ ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่
ทั้งนี้ ตะวันออกกลางกำลังถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งที่เม็ดเงิน-เทคโนโลยี-การเมืองจะมาบรรจบกัน เมื่อการเมืองระหว่างประเทศเปิดทางให้เทคโนโลยีเดินหน้า ซาอุฯ จึงกลายเป็นเวทีใหม่ที่ยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ พร้อมใจลงหลักปักฐาน
และ AI จะไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการทูต ที่เปลี่ยนบทบาทของภูมิภาคตะวันออกกลางให้กลายเป็น “ฮับแห่งศตวรรษ” ในการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล
ที่มา: Reuters, The Washington Post, CNBC [1][2]
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney