แม้สหรัฐอเมริกาและจีนจะบรรลุข้อตกลงภาษีชั่วคราวเพื่อชะลอการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงเป็นเวลา 90 วัน แต่มีรายงานว่า Apple ยืนยันว่าบริษัทยังคงมีแผนจะขึ้นราคารุ่น iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ เพราะ “ต้นทุนด้านเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องของภาษีจากสงครามการค้า
Wall Street Journal รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชนว่า Apple เตรียมปรับขึ้นราคาสำหรับ “iPhone 17” ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือราวเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Apple แต่จากการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและรายงานของสื่อ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาของ iPhone 17 อาจมีการปรับขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย
โดยเฉพาะรุ่นไฮเอนด์อย่าง Pro และรุ่นใหม่ที่จะมีดีไซน์บางเฉียบเป็นพิเศษอย่าง “Air” ที่จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ เช่น หน่วยความจำ RAM ที่เพิ่มขึ้นจากทุกรุ่นที่เคยมี รวมถึงระบบปฏิบัติการ iOS 19 ซึ่งจะยกระดับประสบการณ์ใช้งาน โดยเฉพาะด้าน AI ที่ Apple วางแผนเปิดตัวในชื่อ Apple Intelligence
แม้ว่า Apple พยายามสื่อสารว่าการปรับราคาครั้งนี้เป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีและต้นทุนด้านนวัตกรรม มากกว่าที่จะเป็นผลจากภาษีโดยตรง แต่ไม่ว่าอย่างไร “จีน” ยังคงเป็นฐานการผลิตหลักของ iPhone รุ่นไฮเอนด์ ทำให้ Apple ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าต่อไป
หรือล่าสุดที่สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงชะลอมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้กันไว้เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาเพิ่มเติม และขณะเดียวกันรัฐบาลทรัมป์ก็ประกาศยกเว้นภาษีให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในบางส่วน โดยเฉพาะสมาร์ตโฟน แล็ปท็อป ฮาร์ดไดรฟ์ และเครื่องจักรผลิตชิป แต่สินค้าจากจีนอีกหลายรายการยังคงโดนภาษีนำเข้าในอัตรา 20% และคาดว่าจะทำให้ Apple ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
อ่านเพิ่มเติม ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อ Made in USA ทำไมการผลิต iPhone ในอเมริกาถึงเป็นฝันที่แพงเกินจริงของทรัมป์?
เดือนที่ผ่านมา Apple ได้เริ่มสต็อกสินค้ารุ่นปัจจุบันไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภาษีในอนาคต และยังมีแผนเร่งย้ายฐานการผลิต iPhone ไปยังประเทศอินเดียและเวียดนาม เพื่อลดการพึ่งพาจีนและอาจช่วยลดต้นทุนในอนาคต แต่ในระยะสั้น ราคายังได้รับผลกระทบจากภาษีและต้นทุนชิปและ AI
การขึ้นราคาครั้งนี้จึงอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของ Apple ทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศและผลกระทบที่ผู้บริโภคต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากนี้
อ้างอิงข้อมูล WSJ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -