
กลับมาอีกครั้งกับงาน “Money 20/20” งานระดับโลกด้านนวัตกรรมการชำระเงินและบริการทางการเงิน โดยมุ่งสร้างเวทีให้กับการพัฒนาและเชื่อมโยงเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคต กับการจัดงานครั้งที่ 2 ในประเทศไทย
โดยปีนี้ยังเป็นโอกาสสุดพิเศษ ได้ทำการเปิดตัวรายงาน Whitepaper ชุดแรกจาก 3 ชุด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Money20/20 และ FXC Intelligence ในรายงานจะเป็นการเจาะลึกเทรนด์ เทคโนโลยี และอินไซต์สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินระดับโลกของเอเชียในทศวรรษหน้า พร้อมข้อมูลพิเศษจากการสัมภาษณ์ผู้นำฟินเทคกว่า 100 ราย
ในงาน Money 20/20 Asia ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งแต่ละเวทีจะรวบรวมเอาเนื้อหาระดับโลกที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งในเรื่องของเทรนด์ ไอเดีย และอินไซต์ใหม่ ๆ ผ่านเซสชันแบบอินเทอร์แอคทีฟ การพูดคุยที่เข้มข้น และกรณีศึกษาจากโลกจริง ตลอด 3 วันเต็มอัดแน่นด้วยคอนเทนต์ กับวิทยากรมากกว่า 280 คน และเนื้อหากว่า 50 ชั่วโมง
โดยในปีนี้ ยังมีการเจาะลึกไปถึงเรื่องการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสูงของภูมิภาคโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางมาเลเซีย หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของญี่ปุ่น องค์การเงินตราฮ่องกง และองค์กรจากประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย
นอกจากนี้ ภายในงานจะยังได้พบกับเหล่าผู้นำทางความคิดจากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Banking, การชำระเงิน, FinTech, Venture Capital, สินเชื่อ, InsureTech, RegTech, WealthTech, ตลอดจนธุรกิจสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในงานปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นของการเดินหน้าในภูมิภาคเอเชียที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของระบบชำระเงินข้ามพรมแดน พร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ ดิจิทัลวอลเล็ต ตลอดจนบล็อกเชน ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานการเงินในอนาคตของภูมิภาค และจากรายงาน Whitepaper ที่เปิดตัวมา มีเทรนด์ที่น่าสนใจ ดังนี้
ระบบโอนเงินแบบเรียลไทม์ (Real-Time Payments) เริ่มได้รับความนิยมภายในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกอย่างแพร่หลาย ยกตัวอย่างเช่น UPI ของอินเดีย และ PayNow ของสิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโอนเงินมูลค่าต่ำแบบเกือบจะทันที จนปัจจุบันนี้ แนวโน้มเริ่มขยับไปสู่การโอนเงินแบบข้ามประเทศ เช่น PayNow ที่เชื่อมกับ UPI ของอินเดีย และ PromptPay ของไทย
โดย 66% ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าระบบเรียลไทม์จะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักของการโอนเงินข้ามพรมแดนในเอเชีย
อีกก้าวสำคัญคือ โครงการ Project Nexus ที่ริเริ่มโดย Bank of International Settlements (BIS) เพื่อสร้างแพลตฟอร์มกลาง ที่จะเชื่อมระบบเรียลไทม์ของประเทศต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมโยงแบบคู่ต่อคู่ (Bilateral) ซึ่งช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และล่าสุด ก็ได้มีการทดลองระบบของ Project Nexus สำเร็จแล้ว โดยมีฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยที่กำลังเดินหน้าสู่การเปิดใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้นี้
ปัจจุบัน Stablecoin ได้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการใช้บล็อกเชนในการทำธุรกรรมข้ามประเทศแล้ว เพราะสามารถโอนเงินได้เร็ว มีค่าใช้จ่ายต่ำ และมีเสถียรพอสมควร ส่งผลให้หลายบริษัทในอุตสาหกรรมการเงินเริ่มดึง Stablecoin เข้ามาใช้งานกับระบบของตัวเองแล้ว
จากรายงานยังพบอีกว่า 30% ของผู้ให้สัมภาษณ์มองว่า Stablecoin จะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักของการโอนเงินในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การจะใช้งาน Stablecoin ยังคงมีอุปสรรค อย่างเช่น เหรียญบางชนิดเคยหลุดค่า (Depeg) แม้จะมีการวางไว้ให้มูลค่าคงที่ตามสกุลเงินที่ผูกไว้ หรือปัญหาการพึ่งพา Stablecoin ที่อิงเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อย่าง USDC และ USDT สูงเกินไปในตลาด ส่งผลให้หลายฝ่ายเริ่มผลักดันการพัฒนา Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินของประเทศตัวเองแทน
ในอีกด้านหนึ่ง CBDC หรือ Central Bank Digital Currency หรือเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง กำลังอยู่ในช่วงทดลองหรือศึกษาทั่วเอเชีย แม้ยังไม่มีการเปิดใช้งานเต็มรูปแบบ แต่หากทำสำเร็จ จะช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศเร็วขึ้น ถูกลง และโปร่งใสยิ่งกว่าเดิม โดยเงื่อนไขสำคัญคือการเปลี่ยนโครงการนำร่องไปสู่โครงสร้างที่ได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายจริง
วอลเล็ตดิจิทัล (Digital Wallets) ครองส่วนแบ่งสูงสุดของทั้งการชำระเงินแบบออนไลน์และออฟไลน์ในเอเชียในปี 2023 และมีแนวโน้มจะเป็นหัวใจหลักของการโอนเงินข้ามประเทศต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมีการพัฒนาความสามารถในการรองรับหลายสกุลเงิน และการเชื่อมโยงวอลเล็ตข้ามประเทศ
โดยในรายงาน ชี้แจงว่า 59% ของผู้ให้สัมภาษณ์เชื่อว่า วอลเล็ตดิจิทัลจะเป็นเทคโนโลยีหลักในอนาคตของระบบโอนเงินข้ามประเทศ
ด้าน QR Code ก็มีบทบาทเสริมที่สำคัญอย่างมากเช่นกัน เพราะใช้ต้นทุนต่ำ เทคโนโลยีเป็นที่รู้จัก และใช้งานง่าย จนทำให้ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะสร้างเครือข่าย QR ร่วมของอาเซียน หรือ “ASEAN QR Linkage” ขึ้นมาเพื่อให้การสแกนจ่ายข้ามประเทศกลายเป็นเรื่องปกติ โดยหลายประเทศเริ่มเชื่อมระบบกันแล้ว
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney