จาก “OPN” รีแบรนด์กลับมาเป็น “Omise” อีกครั้ง ในฐานะบริษัทเทคฯ หลังธุรกิจโตกว่าจะเป็นระบบชำระเงิน

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จาก “OPN” รีแบรนด์กลับมาเป็น “Omise” อีกครั้ง ในฐานะบริษัทเทคฯ หลังธุรกิจโตกว่าจะเป็นระบบชำระเงิน

Date Time: 18 มี.ค. 2568 16:46 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

Omise ประกาศรีแบรนด์ใหม่กลับมาใช้ชื่อ Omise อีกครั้ง พร้อมประกาศแผนเดินหน้าครั้งใหม่ ปั้น Omise เป็นบริษัทเทคโนโลยี และในปี 2025 นี้เตรียมรุกตลาดบริการ Payment ด้วยระบบ Agentic AI ที่ให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้น และไร้รอยต่อมากขึ้น

Latest


Omise (โอมิเซะ) ผู้ให้บริการชำระเงินดิจิทัล ประกาศรีแบรนด์ใหม่อีกครั้ง กลับมาใช้ชื่อ “Omise” หลังจากใช้ชื่อ Opn มากว่า 2 ปี พร้อมประกาศแผนเดินหน้าครั้งใหม่ ปั้น Omise เป็นบริษัทเทคโนโลยี และในปี 2025 นี้เตรียมรุกตลาดบริการ Payment ด้วยระบบ Agentic AI ที่ให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้น และไร้รอยต่อมากขึ้น

จุน ฮาเซกาวา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Omise กล่าวถึงเส้นทางของ Omise ว่า หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของ Omise มาจากการสตาร์ทอัพสาย e-Commerce ที่ให้บริการในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 และในช่วงนั้นเองก็ไปเจอกับ Pain Point ของผู้ใช้งานว่า การชำระเงินที่ติดขัดทำให้ประสบการณ์การใช้งานแพลตฟอร์มไม่ราบรื่น จากจุดนั้นจึงเป็นที่มาของการพัฒนาต่อมาเป็นฟินเทคสตาร์ทอัพให้บริการ Payment Gateway

สำหรับ Payment Gateway คือ ระบบหรือบริการที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับชำระเงินออนไลน์ โดยจะช่วยเชื่อมต่อระหว่างร้านค้า (ผู้ขาย) กับลูกค้า (ผู้ซื้อ) เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างปลอดภัยและสะดวก เช่น การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต พร้อมเพย์ โอนผ่านธนาคาร หรือช่องทางดิจิทัลอื่น ๆ

สุทธิพร เมฆาอภิรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Omise เล่าว่า ปัจจุบัน Omise ได้เป็นผู้ให้บริการกับร้านค้า (Merchants) กว่า 230,000 ราย ซึ่งเป็นทั้งบริษัทเล็กและใหญ่ใน 5 ประเทศ โดยตลาดที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดคือ ประเทศไทย และในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียอดเงินชำระสูงกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2024

ที่ผ่านมา Omise ได้มีการระดมทุนไปแล้วหลายครั้ง โดยในรอบล่าสุด Series C+ ก็สามารถระดมทุนไปได้กว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับประกาศขยายตลาดอย่างแข็งขันในตลาดสหรัฐอเมริกา

ลูกค้าหลัก ๆ ของ Omise คือ กลุ่มร้านค้า (Merchants) และกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน (Banks and Financial Companies) อีกทั้ง Omise กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการ Payment Tech สำหรับธุรกิจ ต่อยอดสู่การเป็นเบื้องหลังโครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินไปอีกขั้น

ทำไมถึงรีแบรนด์กลับมาเป็น Omise?

หลังจากใช้ชื่อ Opn มานานกว่า 2 ปี ตอนนี้ Omise ก็ได้ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ กลับมาใช้ชื่อเดิมอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าสู่ยุคใหม่ของการชำระเงินที่ปลอดภัย รวดเร็ว และฉลาดกว่าเดิม

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแบรนด์ แต่เป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ Omise ที่เตรียมยกระดับโซลูชันการชำระเงินให้ตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคดิจิทัล ด้วยการนำ AI มาสร้างประสบการณ์ชำระเงินไร้รอยต่อ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯ และตลาดทั่วโลก

ทั้งนี้ จุน ฮาเซกาวา ได้ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ 3Cs ของบริษัทที่จะนำมาปรับใช้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดีขึ้น ประกอบไปด้วย

  • Connectivity: การเชื่อมต่อธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินในฐานะลูกค้าของ Omise ให้ใช้งานระบบชำระเงินอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกับเปิดโอกาสให้เหล่านักพัฒนาสามารถใช้งาน API ได้อย่างราบรื่น

  • Customizability: ช่วยให้ระบบการชำระเงินสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้าที่เป็นองค์กรหรือธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ และยกระดับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า

  • Customer Experience Solution: เพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Omise ทั้งระบบ Embedded Payment และล่าสุดต่อยอดสู่ Embedded AI สำหรับลูกค้าธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่

สำหรับคอนเซปต์การปรับภาพของ Omise คือการดึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ออกมา ด้วยการผสานความเป็น “ร้านค้า” หรือ Shop เข้ากับความเป็น “ระบบชำระเงิน” หรือเหรียญ

ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของการรีแบรนด์ครั้งนี้ คือการตอกย้ำความเป็นผู้วางโครงสร้างระบบชำระเงิน พร้อมกับปรับภาพวางรากฐานของการเป็นบริษัทเทคโนโลยี นอกจากนี้ Omise ยังได้ยกระดับด้วยการเตรียมเปิดตัวเครื่องมือใหม่ อย่าง “Omise AI” ตามแผนการก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคฯ

สำหรับ Omise AI คือเครื่องมือ Agentic AI สำหรับช่วยบริหารจัดการระบบชำระเงินและระบบหลังบ้านของลูกค้า Omise ให้มีการทำงานที่ไร้รอยต่อมากขึ้น โดยจะทำงานในรูปแบบของ Generative AI ที่สามารถ Prompt และ AI Agent จะรวบรวมข้อมูลหลังบ้าน หรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ธุรกิจมีอยู่ได้

Omise เตรียมที่จะเปิดตัวนวัตกรรมใหม่นี้ภายในปี 2025 ที่มาพร้อมความสามารถอย่าง

  • Intelligent Code Suggestions แนะนำการเขียนโค้ดอัตโนมัติ ลดเวลาเชื่อมต่อระบบ
  • Smart Routing ตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การชำระเงินลื่นไหล
  • Generative Dashboard แปลงข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจง่าย พร้อมอินไซต์ที่นำไปใช้ได้จริง

โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่พร้อมรับมือเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ