
Quantum Computing ใช้คิวบิต (Qubit) ที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกัน ทำให้ประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป
เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยได้ยินและลองไปทำความเข้าใจกับเทคโนโลยี “Quantum Computing” หรือ “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” ที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้ง Google, Microsoft, Amazon และ IBM ต่างเร่งแผนพัฒนานวัตกรรมชนิดนี้ให้แข็งแกร่ง และต้องการที่จะนำออกมาสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์ให้ได้ในอนาคต
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง 4 บิ๊กเทคต่างประกาศความคืบหน้าด้านการพัฒนาชิปควอนตัมต้นแบบ (Prototype Chip) แข่งกันพัฒนา Quantum Computer ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง และต่างก็เคลมว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ จะสามารถแก้ปัญหาซับซ้อนระดับจักรวาลได้เร็วกว่า Supercomputer แบบดั้งเดิมหลายเท่าตัว
สำหรับเทคโนโลยี “Quantum Computing” หรือ “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” คือหนึ่งในศาสตร์ล้ำสมัยแห่งยุคที่ใช้หลักการของ “ฟิสิกส์ควอนตัม” เข้ามาช่วยประมวลผลข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาที่แม้แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกวันนี้ ก็ยังทำไม่ได้ หรือทำได้… แต่ต้องใช้เวลาหลายพันปี
แล้วมันต่างจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปยังไง?... โดยปกติแล้วคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราใช้กันทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก มือถือ หรือแม้แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ล้วนทำงานด้วยระบบ “บิต” (Bit) คือมีแค่ 0 กับ 1
แต่สำหรับ Quantum Computer จะใช้ “คิวบิต” (Qubit) ที่สามารถอยู่ในสถานะ 0, 1 หรือทั้งสองพร้อมกันได้ (เรียกว่า Superposition) ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษจากโลกควอนตัม ซึ่งนั่นเท่ากับว่า Quantum Computer สามารถคิดและคำนวณได้พร้อมกันหลายทางเลือก ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่คอมพิวเตอร์ปัจจุบันอาจต้องใช้เวลาเป็นพันปี
ศาสตร์ควอนตัม หรือ Quantum Mechanics คือการศึกษาพฤติกรรมของอนุภาคขนาดเล็กระดับอะตอมและซับอะตอม ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่โลกปกติไม่สามารถอธิบายได้ และ Quantum Computer ก็ใช้คุณสมบัติพื้นฐานเหล่านี้
และทั้งหมดนี้ทำให้ Quantum Computer คิดได้หลายมิติในเวลาเดียวกัน ต่างจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่คิดแบบเส้นตรง (Linear)
อย่างไรก็ตาม ในวงการ Quantum Computing ไม่ได้มีแค่การสร้างชิปฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเขียน Quantum Algorithm (อัลกอริธึมควอนตัม) การออกแบบระบบประมวลผลแบบใหม่ ตลอดจนการวางระบบการคำนวณเชิงความน่าจะเป็น ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้ความรู้จากหลากหลายสาขา ทั้งฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ขั้นสูง
แม้ Quantum Computing จะยังเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญที่อาจจะนำไปสู่การค้นพบใหม่ ๆ เช่น ยารักษาโรคใหม่ พัฒนาโมเลกุลทางเคมี ไปจนถึงถอดรหัสระบบความปลอดภัยระดับสูงในอนาคต
จึงไม่แปลกที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั่วโลกต่างพยายามเป็นผู้นำในการผลักดันควอนตัมคอมพิวเตอร์ให้เข้าสู่กระแสหลัก
ศาสตราจารย์ Sankar Das Sarma จาก University of Maryland มองว่า Amazon, Google และ IBM ต่างก็ใช้แนวทาง Superconducting Qubit แบบดั้งเดิม ในขณะที่ Microsoft ใช้วิธี Topological Qubit ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง และหาก Microsoft ทำได้จริง แนวทางนี้จะช่วยลดการพึ่งพาการแก้ข้อผิดพลาดแบบเดิมได้มาก แต่ด้วยความที่แต่ละค่ายมีวิธีการต่างกัน จึงยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้นำ
นอกจากนี้ สำหรับ Quantum Computing แล้วเรียกได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา ด้านบริษัทผู้พัฒนาก็ควรระวังไม่สร้างความคาดหวังเกินจริง เพราะอาจทำให้ผู้คนผิดหวังหากผลลัพธ์ยังไม่ออกมาในเร็ววัน
Scott Crowder รองประธาน IBM กล่าวว่า “ตอนนี้เราใกล้จุดที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะเหนือกว่าคอมทั่วไปแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะถึงจุดที่มันทำงานได้โดยไร้ข้อผิดพลาดจริง ๆ”
แม้หลายคนจะยังมองว่า Quantum Computing เป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงคือ มันอาจกลายเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกได้พอ ๆ กับกระแส Generative AI ที่เราเห็นในปัจจุบัน จากการวิเคราะห์และศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ ชี้ให้เห็นว่า Quantum Computing จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกได้ในหลายด้าน ตัวอย่างเช่น
อย่างไรก็ตาม แม้ Quantum Computer จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็แฝงมาด้วยความเสี่ยงด้าน Cybersecurity ที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเทคโนโลยีควอนตัมมีความสามารถในการเจาะระบบเข้ารหัส (Encryption) แบบดั้งเดิมที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้อมูลที่เราคิดว่าปลอดภัยในวันนี้ อาจไม่ปลอดภัยในโลกควอนตัมของอนาคตก็ได้
ที่น่ากังวลคือ ขณะที่ทั่วโลกลงทุนกับการพัฒนา Quantum Computer อย่างหนัก แต่การลงทุนในด้านความปลอดภัยแบบ Quantum-Resistant (Post-Quantum Security) กลับยังมีน้อยเกินไปนั่นเอง
ที่มา: Business Insider, IBM, Forbes, Fast Company, Times
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney