
ในโลกของธุรกิจ การเข้าซื้อ ควบรวมกิจการ หรือแม้แต่การจับมือเป็นพาร์ทเนอร์เปรียบเสมือนความรักระหว่างองค์กร บางคู่เริ่มต้นด้วยความหวัง เต็มไปด้วยความฝันถึงอนาคตร่วมกัน แต่ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ที่จะจบลงอย่างสวยงาม บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือน “รักแท้” ในเชิงกลยุทธ์ อาจกลายเป็นความผิดพลาดที่นำไปสู่การสูญเสียมูลค่ามหาศาล
จาก Yahoo! และ Verizon ที่ลงเอยด้วยการแยกทาง ไปจนถึง Microsoft และ Nokia ที่พยายามผลักดัน Windows Phone แต่ไม่อาจต้านกระแสของ iOS และ Android ได้ รวมถึงกรณีของ Google และ Motorola ที่เริ่มต้นด้วยความหวังแต่สุดท้ายจบลงด้วยการขายคืนแบบขาดทุน เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของ “รักที่ไม่สมหวัง” ในโลกธุรกิจ ที่เต็มไปด้วยบทเรียนและการตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคตของบริษัท
ในบทความนี้ Thairath Money จะพาไปส่อง 5 ดีลรักธุรกิจที่เคยเป็นข่าวใหญ่ในอดีต ทั้งรักที่เคยสมหวัง ไม่สมหวัง จนสร้างผลกระทบต่อการทำธุรกิจของเหล่าบิ๊กเทค
ในปี 2016, Verizon ผู้ให้บริการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ตัดสินใจที่จะซื้อกิจการหลักของ Yahoo! (เช่น เว็บไซต์, แอป, และธุรกิจโฆษณา) ด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ โดยความหวังของ Verizon คือการเสริมศักยภาพในธุรกิจดิจิทัลและการโฆษณาออนไลน์ผ่านการเข้าซื้อกิจการที่มีชื่อเสียงอย่าง Yahoo! ที่ในช่วงหนึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตและสื่อ แต่ธุรกิจของ Yahoo! ที่ถูกซื้อไปไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ในที่สุด Verizon ต้องตัดสินใจขายกิจการที่ได้มาจาก Yahoo!
จุดเริ่มต้นความรัก
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความรัก
ทางตันของความรัก
ในปี 2021, Verizon ตัดสินใจปล่อยมือ Yahoo! ด้วยการขาย Verizon Media ซึ่งมี Yahoo! และ AOL ให้กับ Apollo Global Management ด้วยมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ จึงเป็นเหมือนกับความรักที่ Yahoo! ถูก Verizon ทิ้ง
Microsoft ซื้อ Nokia ด้วยมูลค่า 7.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2013 โดยดีลนี้มุ่งหวังให้ Microsoft สามารถเสริมศักยภาพในตลาดมือถือ ซึ่ง Microsoft ต้องการจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับ Windows Phone ที่ยังไม่สามารถแข่งขันกับ iOS และ Android ได้ แต่สุดท้าย Windows Phone ไม่สามารถแข่งขันกับ iOS และ Android ได้ ทำให้ความรักนี้เหมือนกับความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการคาดหวังแต่สุดท้ายก็ผิดหวัง โดยการลงทุนที่ Microsoft ทำไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้
จุดเริ่มต้นความรัก
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความรัก
ทางตันของความรัก
ในปี 2014, Microsoft ตัดสินใจขายธุรกิจมือถือของ Nokia ที่ซื้อมาให้กับ Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และในที่สุด Nokia ก็หันไปโฟกัสในส่วนของเทคโนโลยีเครือข่ายและซอฟต์แวร์ ทั้ง Nokia และ Microsoft ต่างฝ่ายต่างคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยให้ธุรกิจของตนเติบโตและประสบความสำเร็จ แต่ในที่สุดทั้งสองฝ่ายกลับไม่สามารถตอบรับความคาดหวังนั้นได้
การลงทุนของ Microsoft ใน Nokia ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ และการลงทุนนี้ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญกับความผิดหวังในที่สุด
Google ซื้อ Motorola ด้วยมูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Google ในเวลานั้น แต่หลังจากนั้น Google ก็ทิ้งกิจการส่วนใหญ่ของ Motorola ให้กับ Lenovo ในปี 2014 หลังจากการรวมกิจการพบกับความล้มเหลวในหลาย ๆ ด้าน เหมือนกับความรักที่เต็มไปด้วยความคาดหวังแต่สุดท้ายกลับทิ้งความผิดหวังและความไม่สมหวังไว้ให้ Motorola
จุดเริ่มต้นความรัก
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความรัก
ทางตันของความรัก
Facebook พยายามซื้อ Snapchat ในปี 2013 ด้วยมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้ Facebook รู้สึกท้าทายและเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Snapchat ทำให้มีการแข่งขันที่ดุเดือด
จุดเริ่มต้นความรัก
Mark Zuckerberg และ Facebook ได้พยายามที่จะซื้อ Snapchat ด้วยราคาประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ เพราะเขาเล็งเห็นถึงความนิยมที่ Snapchat มีต่อกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความรัก
ทางตันของความรัก
Tesla ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Elon Musk (ผู้ก่อตั้ง Tesla) ได้ตัดสินใจซื้อ SolarCity บริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ก่อตั้งโดย Peter Rive และ Lyndon Musk (พี่ชายของ Elon Musk) ด้วยมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2016 โดยมีเป้าหมายจะขยายธุรกิจพลังงานสะอาด แต่สุดท้ายธุรกิจนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง เพราะ SolarCity ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการบริหารที่ไม่ราบรื่น รวมถึงการฟ้องร้อง Elon Musk ในกรณีที่เข้าซื้อ SolarCity ทำให้ดีลนี้ดูเหมือนกับความรักที่พยายามประคองกันไปต่อแม้จะต้องเจออุปสรรคใหญ่มาขัดขวาง
จุดเริ่มต้นความรัก
Elon Musk หวังว่า Tesla จะสามารถรวมพลังงานที่มาจากโซลาร์และเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อนำมาใช้ในการขับเคลื่อนทั้งบ้านและยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งเป็นการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการซื้อ SolarCity จึงเป็นเหมือนการขยายธุรกิจของ Tesla ในการเป็นผู้นำในตลาดพลังงานสะอาด และให้บริการโซลูชั่นพลังงานที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตพลังงานจากแผงโซลาร์ไปจนถึงการเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ Powerwall
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความรัก
ความรักที่ยังต้องพยุงไปต่อแม้ไม่ก้าวหน้า
แต่ในปี 2020 ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ของ Tesla และ SolarCity ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง Tesla จึงตัดสินใจลดบทบาทในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และเริ่มมุ่งเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและการผลิตแบตเตอรี่มากขึ้นและเริ่มห่างเหินกับ SolarCity
ที่มา: VanityFair, Bloomberg [1][2], Reuters, TheVerge [1][2], Forbes [1][2], TechCrunch, BI, Yahoo!
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney