ตลาดชิปโลกคึกคัก โต 18% Samsung ทวงแชมป์ผู้ผลิตชิปปี 67 เบียด Intel ร่วง ส่วน Nvidia รั้งที่ 3

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลาดชิปโลกคึกคัก โต 18% Samsung ทวงแชมป์ผู้ผลิตชิปปี 67 เบียด Intel ร่วง ส่วน Nvidia รั้งที่ 3

Date Time: 10 ก.พ. 2568 16:32 น.

Video

Nokia ทำยังไง? ทุกวันนี้ถึงทำธุรกิจสบายกว่าตอนขายมือถือ | Digital Frontiers

Summary

  • การ์ทเนอร์เผยรายได้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 626,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.1% จากปี 2566 พร้อมคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 705,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Samsung Electronics กลับมาครองอันดับ 1 แซงหน้า Intel ได้แรงหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำ ในขณะที่ NVIDIA ยังคงมีผลการดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 84% ในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI

Latest


การ์ทเนอร์เผยรายได้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 626,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.1% จากปี 2566 พร้อมคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 705,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยชิป GPUs และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ใน Data Center สำหรับ Servers และ Accelerator Cards เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงาน AI และ Generative AI ทำให้ Data Center กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสมาร์ทโฟน และส่งผลให้ในปี 2567 รายได้เซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่ม Data Center มีมูลค่ารวมสูงถึง 112,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 64,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปี 2566

ผลการดำเนินงานด้านบวกของตลาดโดยรวมส่งผลต่อการจัดอันดับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายราย โดยมีผู้ผลิต 11 รายที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีเพียง 8 รายจาก 25 อันดับแรกที่มีรายได้ลดลงในปีที่ผ่านมา

โดย Samsung Electronics กลับมาครองอันดับหนึ่ง ซึ่งในปี 2567 การ์ทเนอร์พบว่า ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 9 จาก 10 อันดับแรกนั้นมีรายได้เติบโตเป็นบวก และการจัดอันดับ Top 10 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

Samsung Electronics กลับมาครองอันดับ 1 แซงหน้า Intel และเพิ่มช่องว่างระหว่างกันมากขึ้นในปี 2567 โดยบริษัทฯ ได้แรงหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำหรือ Memory Devices ส่งผลให้มีรายได้รวมที่ 66,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะที่ Intel ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 2 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่ม AI PCs และ Core Ultra Chipset ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI Accelerator รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ x86 ที่ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้รายได้เซมิคอนดักเตอร์ของ Intel เติบโตเล็กน้อยเพียง 0.1% ในปี 2567

ด้านของ NVIDIA ยังคงมีผลการดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 84% ในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI

10 อันดับรายได้ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ปี 2567 (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการ์ทเนอร์
10 อันดับรายได้ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ปี 2567 (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการ์ทเนอร์

ในปี 2568 ชิป HBM หรือ High-Bandwidth Memory หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญต่อการพัฒนาโปรเซสเซอร์ขั้นสูง อย่างเช่น GPUs สำหรับเทรน GenAI จะมีสัดส่วนเป็น 19.2% ของรายได้จากชิปกลุ่ม DRAM โดยเพิ่มจาก 13.6% ในปีที่แล้ว

รายได้จากหน่วยความจำ (Memory) เติบโตขึ้นกว่า 71.8% ในปี 2567 หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 25.2% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ขณะที่รายได้ชิป DRAM เพิ่มขึ้น 75.4% ส่วนรายได้หน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 75.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการผลิตหน่วยความจำ HBM มีส่วนสำคัญต่อรายได้ของผู้ผลิตชิป DRAM โดยรายได้ชิป HBM มีสัดส่วน 13.6% ของรายได้ชิป DRAM ทั้งหมดในปี 2567

ในฝั่งของรายได้ Non-memory เพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 74.8% ของรายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดในปี 2567

ทั้งนี้ Memory และ AI Semiconductors ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะสั้น โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าตลาดชิป HBM จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 19.2% ของชิป DRAM ในปี 2568 และคาดว่ารายได้ชิป HBM จะเพิ่มขึ้น 66.3% ในปี 2568 มีมูลค่าแตะ 19,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ