
ปี 2025 กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการเทคโนโลยี เมื่อ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งซิลิคอน วัลเลย์ ทั้ง Amazon, Microsoft, Google และ Meta พร้อมใจกันประกาศแผนการลงทุนมูลค่ามหาศาลรวมกว่า 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมากกว่า 10 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างความได้เปรียบในสงครามแย่งชิงความเป็นผู้นำด้าน AI
การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้นในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากความสำเร็จของ ChatGPT ที่กระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีต่างเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI อย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา การลงทุนในชิปประมวลผล และการพัฒนาระบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง
ที่น่าสนใจคือ งบประมาณการลงทุนของทั้ง 4 บริษัทในปี 2025 นี้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริหารต่อการเติบโตของตลาด AI แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่งรายใหม่อย่าง DeepSeek จากจีนที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าแต่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน
ล่าสุด Amazon ก็ได้มีการเปิดเผยถึงงบลงทุนในปี 2025 ที่สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นยอดที่สูงกว่าปี 2024 ที่ใช้งบราว 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทาง Andy Jassy ซีอีโอคนปัจจุบันของ Amazon ได้วางแผนเอาไว้ว่าเงินส่วนใหญ่จะใช้เพื่อลงทุนในด้าน AI โดยเฉพาะ
ในปีที่ผ่านมา Amazon ได้ทุ่มเงินจำนวนมากไปกับ Data Centers และฮาร์ดแวร์ อย่างชิปของ Nvidia เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI โดยการลงทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด Generative AI โดยเฉพาะจาก OpenAI, Google Gemini, Microsoft Copilot และ AI Startup อย่าง Anthropic ที่ Amazon เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน
Brian Olsavsky, CFO ของ Amazon กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปี 2025 จะมีการเพิ่มเงินลงทุนเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ใช้จ่ายประมาณ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 โดยงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะมุ่งเน้นไปที่ AWS และบริการด้าน AI รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีในตลาดอเมริกาและต่างประเทL
แต่การลงทุนด้วยเงินจำนวนมากนี้ทำให้เหล่านักลงทุนแสดงถึงความกังวลถึงความเฟ้อของงบการพัฒนา AI ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะแม้ว่ารายได้จาก AWS จะเพิ่มขึ้น 19% ในไตรมาสนี้ เทียบกับการเติบโต 13% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็ยังเติบโตช้ากว่าคู่แข่ง อย่างเช่น Microsoft Azure และบริการคลาวด์อื่น ๆ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 31% และ Google Cloud ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 30%
Microsoft วางแผนทุ่มทุนกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการลงทุนในชิปและศูนย์ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง
การลงทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในการฝึกฝนและใช้งานโมเดล AI ที่ต้องการพลังงานสำหรับประมวลผล นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้จ่ายมากกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมด โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Microsoft ในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ AI ของบริษัทคู่แข่งอย่าง DeepSeek จากประเทศจีนกำลังพัฒนาอย่างมาก
แม้การทุ่มเงินจำนวนมากนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนเติบโตของ Microsoft ที่มีความตั้งใจที่จะพัฒนา AI ให้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่เหล่านักลงทุนใน Wall Street ก็ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนจำนวนมหาศาลนี้เพราะมองว่านี่อาจเป็นการใช้งบที่สูงมากเกินความจำเป็น
Alphabet เจ้าของ Google วางแผนลงทุนประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 การขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 27% โดยทาง Alphabet ได้ทำการประกาศต่อกลุ่มนักลงทุนว่า ตัวเลขการลงทุนส่วนใหญ่เน้นไปที่การลงทุนขยายเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล เพื่อรองรับการเติบโตของบริการต่างๆ เช่น Google Services, Google Cloud และ Google DeepMind
Alphabetได้คาดการณ์เอาไว้ว่าไตรมาสแรกของปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายราว 16,000 – 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่ Wall Street คาดไว้ที่ 13,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ Alphabet ยังประกาศแผนลงทุนใน (CapEx) จำนวนกว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เพื่อขยายกลยุทธ์ด้าน AI ซึ่งสูงกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้ที่ 58,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นกว่า 27% และการประกาศนี้ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่รายได้จากบริการคลาวด์เติบโตช้ากว่าที่คาดไว้
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta Platforms Inc. ได้เปิดเผยถึงการวางแผนที่จะใช้งบในปี 2025 สูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ AI ของบริษัท เหตุผลที่ซักเคอร์เบิร์กกล้าทุ่มเงินมหาศาลโดยไม่กลัวความเสี่ยงนั้นเป็นเพราะเขามั่นใจว่านี่คือปีทองของ AI ที่จะสามารถเข้าถึงผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนได้
และการลงทุนนี้ยังรวมถึงแผนการของ Meta ที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความจุไฟฟ้าสูงถึง 2 กิกะวัตต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของแมนฮัตตันในนิวยอร์กได้เลย
ทั้งนี้การลงทุนด้วยเงินจำนวนมากนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะความมุ่งมั่นของ Meta ที่อยากรักษามาตรฐานความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI และการทุ่มงบที่สูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 นั้นถือเป็นก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญบางอย่าง เพราะงบประมาณปีก่อนของ Meta อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และงบปีนี้ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ตั้งเอาไว้ราว 50,250 ล้านดอลลาร์ตามข้อมูลของ LSEG จนทำให้ถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่แสนจะ “ฟุ่มเฟือย”
แม้จะเป็นการลงทุนที่มีเป้าหมายชัดเจน แต่ก็สร้างควมกังวลให้กับนักลงทุนในหลายประเด็น ทั้งเรื่องของงบประมาณที่สูงเกินคาดการณ์ของ Wall Street อย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับการลงทุน โดยเฉพาะ AWS ที่เติบโต 19% น้อยกว่า Microsoft Azure (31%) และ Google Cloud (30%) การเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง DeepSeek จากจีนที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าแต่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะยาว เมื่อเทียบกับความเสี่ยงและการแข่งขันที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่อการเติบโตของตลาด AI และความจำเป็นในการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายและความกังวลจากนักลงทุน แต่ทั้ง 4 บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อย่างต่อเนื่อง