
หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของอินโดนีเซีย (KPPU) สั่งปรับ Google ข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านผูกขาดจำนวนเงิน 202,500 ล้านรูเปียห์หรือประมาณ 12.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมสั่งให้ยุติการใช้ Google Play Billing ใน Google Play Store
ตามข้อมูลของหน่วยงานระบุว่า การซื้อผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลทั้งหมดใน Google Play Store ต้องผ่านระบบ GPB พร้อมกันนี้แพลตฟอร์มยังห้ามการชำระเงินด้วยวิธีอื่นนอกเหนือจาก GPB อีกด้วย ทำให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องอยู่บนระบบ Google ไม่มีทางเลือก
Google Play Store เป็นแอปสโตร์เพียงแห่งเดียวที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าในอุปกรณ์ Android ทั้งหมด โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ในอินโดนีเซียซึ่งมีประชากร 280 ล้านคนและกำลังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโต โดย Google Search มีส่วนแบ่งการตลาดในอินโดนีเซียประมาณ 95.16% ในอินโดนีเซีย ณ เดือนมกราคม 2024 ตามข้อมูลของ Statista ขณะที่เครื่องมือค้นหาอื่นๆ เช่น Bing, Yahoo!, DuckDuckGo และ Yandex ครองส่วนแบ่งที่เหลือ
รายงานระบุว่า ทางการได้เริ่มทำการสอบสวนแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมของ Google ในปี 2022 หลังมีข้อเรียกร้องว่า Google ใช้ความโดดเด่นทางการตลาดผูกขาดระบบชำระเงินและจำกัดให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันในอินโดนีเซียต้องชำระเงินด้วยระบบ Google Play Billing (GPB)
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดทั่วโลกได้สอบสวน Google ในลักษณะเดียวกัน Google ถูกตรวจสอบและสั่งปรับเนื่องจากละเมิดแนวทางปฏิบัติที่ต่อต้านการแข่งขันในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา
หน่วยงานระบุว่า นักพัฒนาแอปในอินโดนีเซียจำเป็นต้องใช้ระบบการชำระเงินของ Google ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 15% ถึง 30% ซึ่งสูงกว่าระบบชำระเงินอื่นๆ นอกจากนี้หากแอปฯ ใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด แอปฯ เหล่านั้นอาจเสี่ยงต่อการถูกลบออกจาก Google Play Store การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้นอกจากการสั่งปรับแล้วหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของอินโดนีเซีย (KPPU) ได้ขอให้ Google อนุญาตให้ผู้พัฒนาแอปฯ ทุกคนสามารถเข้าร่วมโปรแกรม User Choice Billing (UCB) และต้องให้ส่วนลดค่าบริการขั้นต่ำ 5% เป็นเวลา 1 ปี
แดเนียล โคเฮน โฆษกของ Google กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมล ระบุว่า ที่ผ่านมาบริษัทให้การสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวอินโดนีเซียผ่านโครงการที่หลากหลาย โดยยืนยันว่าบริษัทนำเสนอแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยพร้อมกับการเข้าถึงทั่วโลก นอกจากนี้ยังยืนยันว่าบริษัทเปิดตัวเลือกการเรียกเก็บเงินที่ช่วยให้มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
อย่างไรก็ตามด้านของ Google มีแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่า แนวทางปฏิบัติของบริษัทส่งเสริมระบบนิเวศแอปของอินโดนีเซียที่มีการแข่งขันสูง ซึ่ง Google มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายของอินโดนีเซียและจะร่วมมือกับ KPPU และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไปตลอดกระบวนการ
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงข้อมูลจาก Techcrunch
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -