
Google จ่ายเงินให้กับ Apple มากถึง 36% ของรายได้จากโฆษณาบน Safari ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ของ Apple ภายใต้ข้อตกลงของทั้งสองบริษัท
ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยในคำให้การของพยานจาก Google ในระหว่างพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดที่ถูกฟ้องโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในกรณีที่ว่า Google มีอำนาจเหนือตลาดการค้นหาและการโฆษณาอย่างผิดกฎหมาย
เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Google พยายามแสดงให้เห็นว่าข้อตกลงในการค้นหานั้นทำเงินให้กับทั้ง Apple และบริษัทเสิร์ชเอนจิน เพื่อต่อสู้กับคำฟ้องร้องของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนและทั้งสองบริษัทก็พยายามปกปิดรายละเอียดตัวเลขด้วยเหตุผลที่ว่าอาจกระทบกับสถานะการแข่งขันของบริษัท
ขณะที่ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทเริ่มมาตั้งแต่ปี 2002 และได้ทำให้ Google กลายเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นบน Safari ของ Apple ซึ่งปัจจุบันข้อตกลงดังกล่าวก็มีความสำคัญอย่างยิ่งกับ Google จากจำนวนผู้ใช้ iPhone ขนาดใหญ่ และเป็นสมาร์ทโฟนที่มีผู้ใช้มากที่สุดในสหรัฐฯ
ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็ได้มุ่งเป้าไปที่ข้อตกลงดังกล่าวเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่า Google ผูกขาดการแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจิน จาก “Exclusive Deal” ที่จ่ายเงินให้กับเหล่าพันธมิตร เพื่อให้ Google เป็นเครื่องมือค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้นทั้งบนสมาร์ทโฟนและเว็บเบราว์เซอร์
ทั้งนี้ ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 สัดส่วนรายได้ที่มากที่สุดของบริษัทก็มาจากการโฆษณาซึ่งอยู่ที่ 5.96 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 2.15 ล้านล้านบาท) จากรายได้ทั้งหมด 7.66 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 2.76 ล้านล้านบาท)
อ้างอิง