Chegg ผู้ให้บริการช่วยทำการบ้านและเครื่องมือสำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ชื่อดังสหรัฐฯ เปิดเผยถึงความกังวลต่อ ความนิยมของ ChatGPT ที่กำลังส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและการเติบโตของบริษัท โดยหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงกว่า 48.41% หลังตลาดปิดและตกลงมาต่ำสุดที่ 9.08 ดอลลาร์
Dan Rosensweig ซีอีโอ Chegg กล่าวว่า “ในช่วงต้นปีบริษัทยังไม่เห็นผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของบัญชีใหม่ที่ชัดเจน โดยช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา บริษัทพบว่านักเรียนในแพลตฟอร์มสนใจ ChatGPT เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้บริษัทเชื่อว่า ChatGPT ส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของลูกค้าใหม่อย่างชัดเจน ”
CHGG หุ้นของ Chegg ซึ่งจดทะเบียนในตลาด NYSE ถูกปรับลดระดับเป็น Hold ตามผลประกอบการไตรมาสแรก และลดราคาเป้าหมายลงอย่างเหลือ 11 ดอลลาร์จาก 25 ดอลลาร์ โดยอ้างถึงการเติบโตที่ชะลอตัวและการคุกคามของ AI ที่จะส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจ นอกจากนี้ด้าน Goldman Sachs ก็ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 14 ดอลลาร์เช่นเดียวกัน
มากไปกว่านั้นการกระทบถึงหุ้น Edtech ในครั้งนี้ยังส่งสัญญาณกระทบถึงหุ้นตัวอื่นๆ อีกด้วย เช่น หุ้น Pearson บริษัทด้านการศึกษาในลอนดอนคู่แข่ง Chegg ร่วงลง 15% แพลตฟอร์มการเรียนรู้ภาษา Duolingo ร่วงลง 10% Udemy บริษัทด้านการศึกษาที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ร่วงลงมากกว่า 5%
บริษัทระบุว่า ไตรมาสสองนี้ยังมีผลประกอบการและรายรับที่ดีกว่าคาดในไตรมาสแรก โดยทำรายได้อยู่ที่ 178 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 186.3 ล้านดอลลาร์ อัตราการรักษาสมาชิกปัจจุบันมี จำนวนสมาชิกลดลง 5% ประมาณ 5.1 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม Rosensweig กล่าวต่อนักลงทุนว่า บริษัทสร้างกระแสเงินสดบนพื้นฐานที่ผ่านการปรับปรุงแล้ว และยังมีเงินสดมากเกินพอที่จะชำระหนี้ และยังกล่าวถึง ChatGPT ว่ายังมีปัญหาเรื่องความแม่นยำในการให้คำตอบซึ่ง นับเป็นปัญหาใหญ่ในภาควิชาการ
เขาเน้นย้ำว่า "นักเรียนไม่สามารถทำอะไรผิดได้เมื่อพวกเขาทำการบ้าน หรือเวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ChatGPT มักจะผิดพลาด และยังแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ในเร็วๆ นี้ "
ล่าสุด Chegg ได้เปิดตัว CheggMate บริการ AI-Chatbot ของตนเองที่ขับเคลื่อนด้วย GPT-4 โดยโมเดลจะถูกเทรนด์ด้วยข้อมูลด้านการเรียนการสอนที่อยู่ในแพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการช่วยเหลือนักเรียนให้เข้าถึงเนื้อหาหรือข้อมูลต่างๆ ผ่านการแชตคุยอีกด้วย
ทั้งนี้ยังมีข้อกังวลจากตลาดถึงทิศทางการสร้างรายได้จากกลยุทธ์ดังกล่าวในระยะยาว นักวิเคราะห์กล่าวว่า CheggMate ยังไม่ชัดเจนจะเพียงพอที่จะรับมือกับการชะลอตัวของธุรกิจหลักของบริษัทหรือไม่ หาก Chegg ยังไม่มีแหล่งรายได้ที่สองที่แข็งแกร่ง ความนิยมของ ChatGPT ในหมู่นักศึกษาอาจแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่ Chegg เคยได้รับความนิยมอย่างมาก และหากขาดทุนตลอดเซสชั่น Chegg จะสูญเสียมูลค่าตลาด 994 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
Chegg เติบโตอย่างมากในช่วงโรคโควิด เพราะนักเรียนต้องเรียนจากที่บ้าน ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่าสามเท่าในปี 2019 การเกิดขึ้นของ ChatGPT กลายเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ใช้ในการเข้าถึงข้อมูล แถมยังสร้างเครื่องมือการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอีกด้วย
โดยค่าสมัครสมาชิก Chegg ต่อเดือนอยู่ที่ราคา $15.95 ต่อเดือนหรือประมาณ 544 บาท กับ ChatGPT Plus อยู่ที่ $20 ต่อเดือน หรือประมาณ 670 บาท เรียกได้ว่า ท่ามกลางกระแส AI ในขณะนี้การเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่ต่างกันมาก สามารถเข้าถึงการเสิร์ชหาข้อมูลพร้อมเรียบเรียงเสมือนผู้ช่วยนับว่ามีความเป็นไปได้ที่นักศึกษาส่วนใหญ่จะหันไปใช้ ChatGPT นั่นเอง