เศรษฐกิจแห่งอนาคต Deep Tech หัวใจใหม่โลกธุรกิจ เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะคลายปัญหาที่โลกยังแก้ไม่ได้

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจแห่งอนาคต Deep Tech หัวใจใหม่โลกธุรกิจ เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะคลายปัญหาที่โลกยังแก้ไม่ได้

Date Time: 24 ต.ค. 2568 20:40 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

เมื่ออนาคตไม่ได้มีแค่ AI ทำความรู้จัก "Deep Tech" เทคโนโลยีล้ำหน้า หัวใจดวงใหม่ของโลกธุรกิจและเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่จะเข้ามาแก้ปัญหาระดับลึกในแบบที่มนุษย์ในปัจจุบันยังแก้ไขไม่ได้

Latest


หลังจากหนึ่งทศวรรษของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตด้วยแอปพลิเคชัน มือถือ และแพลตฟอร์มออนไลน์ โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นกว่า หรือที่เรียกกันว่า Deep Technology ที่หลายคนเชื่อว่านวัตกรรมในกลุ่มนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก 

ย้อนกลับไปในปี 2022 มีสิ่งหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การใช้ชีวิตของคนเราไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อ OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT ในตอนที่ยังเป็นแค่ศูนย์วิจัยด้าน AI แต่แล้ววันนี้กลับกลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจใหม่ที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ระดับโลกต้องปรับตัว

นี่คือเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “Deep Tech Economy” หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมระดับลึก ซึ่งไม่ได้มีแค่ AI แต่จะเป็นขั้นกว่าที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่ก่อนหน้านี้มนุษย์นั้นยังแก้ไขไม่ได้


Deep Tech คืออะไร?

เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Deep Tech ถูกนิยามตาม United Nations Development Programme ว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมทุกวงการ โดยเทคโนโลยีนี้มีรากฐานมาจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมทางวิศวกรรม หรือความก้าวหน้าทางการวิจัยครั้งสำคัญ ในสาขาต่าง ๆ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าส่งตรงมาจากห้องแล็บ

โดยจะแตกต่างจากเทคโนโลยีทั่วไปที่มักมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมเพื่อทำเป็นธุรกิจ ออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อผู้ใช้ หรือการปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Improvement) แต่ Deep Tech จะมีเป้าหมายเพื่อแก้โจทย์ที่ซับซ้อนระดับโครงสร้าง จะเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยหรือเทคโนโลยีเกิดใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมเชิงลึกที่โลกกำลังเผชิญอยู่

ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมในกลุ่ม Deep Tech นี้ยังถือเป็นกุญแจสำคัญในการแก้โจทย์ความท้าทายระดับโลกของมนุษยชาติ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด ไปจนถึงการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

สำหรับ Deep Tech ที่น่าจับตาที่ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ปัจจุบันมีหลายอย่างกำลังอยู่ในช่วงวิจัยและพัฒนา และจากข้อมูลของ European Institute of Innovation & Technology มีการยกเทคโนโลยีในกลุ่ม Deep Tech ที่สำคัญไว้ดังนี้

  • Artificial Intelligence และ Machine Learning: การจำลองสติปัญญาที่เทียบกับระดับของมนุษย์ การวิเคราะห์ ตลอดจนการเชื่อมโยงด้าน Big Data และการประมวลผลข้อมูล

  • Advanced Computing และ Quantum Computing: ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการประมวลผลประสิทธิภาพสูง ซึ่งรวมไปถึง Edge Computing และ Cloud Computing โดยจะมุ่งเน้นในด้านความเร็ว ความลึกและความละเอียดของการประมวลผล

  • Aerospace, Automotive และ Remote Sensing: เน้นที่วิธีการขนส่ง การเคลื่อนย้าย อย่างเช่น ยานยนต์ไร้คนขับ ตลอดจนเทคโนโลยีอวกาศใหม่ ๆ และระบบเซ็นเซอร์ ข้อมูล และการประมวลผลโทรคมนาคมที่จำเป็น

  • Biotechnology และ Life Sciences: เป็นเทคโนโลยี Deep Tech ที่ล้ำสมัยในแง่ของวัสดุธรรมชาติและสังเคราะห์ และการวิจัย รวมถึงการบำบัดทางพันธุกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล อย่างเช่น การวิเคราะห์ วิจัย และบำบัดระดับเซลล์และยีน

  • Web 3.0, Blockchain, Distributed Ledgers และ NFTs: การพัฒนาอินเทอร์เน็ตรุ่นต่อไป (Web 3.0) ที่เน้นการกระจายอำนาจ โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Blockchain และ NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเอกลักษณ์)

  • Robotics: การพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงหุ่นยนต์ในโรงงาน (Cobots) หุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ (RPA) และหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Humanoid/AI) ที่ทำงานซับซ้อนได้

  • Semiconductors: การวิจัยและผลิตไมโครชิปขั้นสูง โดยเน้นการทำให้ชิปมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ (ระดับ 3-5 นาโนเมตร) มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และใช้วัสดุหรือกระบวนการผลิตแบบใหม่

  • IoT, W3C และ Semantic Web: การสร้างระบบที่ทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะ (IoT) สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันเองได้ และทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจความหมายของข้อมูลบนเว็บได้ (Semantic Web)

  • Cybersecurity และ Data Protection: เน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Deep Tech เพื่อความปลอดภัยและการปกป้องเครือข่ายและข้อมูล รวมถึงความน่าเชื่อถือและการรับรองผลิตภัณฑ์ ICT อย่างเช่น ระบบและวิธีการเข้ารหัสระดับควอนตัม

  • VR, AR และ Metaverse: การสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการซ้อนทับข้อมูลดิจิทัลบนโลกจริง (AR) การเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง (VR) หรือการสร้างพื้นที่เสมือนจริงสำหรับใช้งานร่วมกัน (Metaverse)

  • Sustainable Energy และ Clean Tech: การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อผลิตพลังงานสะอาด เช่น ไฮโดรเจน และพลังงานหมุนเวียนขั้นสูง การกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) และเทคโนโลยีลดคาร์บอน

  • Advanced Manufacturing: เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่หลากหลาย ใช้งานในภาคอุตสาหกรรม และอาจทับซ้อนกับเทคโนโลยีอื่น เช่น หุ่นยนต์, AI/ML, VR/AR, 5G, และ Digital Twins ตลอดจนโซลูชันสำหรับการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • Advanced Materials: การวิจัย การพัฒนาทางวิศวกรรม และการผลิตวัสดุที่มีคุณสมบัติทางวิศวกรรม รวมถึงเซรามิก โลหะมูลค่าสูง วัสดุอิเล็กทรอนิกส์ คอมโพสิต พอลิเมอร์ และวัสดุชีวภาพ

  • Communications และ Networking Technology: หมายถึงการวิจัยและนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ  ได้แก่ เครือข่าย 5G/6G ระบบนำทาง รวมถึงใยแก้วนำแสง ระบบเลเซอร์ เทคโนโลยีไมโครเวฟ การจัดการคลื่นความถี่วิทยุ ตลอดจนเรื่องความปลอดภัยในการสื่อสาร


สร้างเศรษฐกิจใหม่

ที่ผ่านมา AI ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและเศรษฐกิจไปไม่น้อย ส่วนในภาพของ Deep Tech เอง มีรายงานออกมาว่า ตลาด Deep Tech จะมีมูลค่าสูงถึง 714,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2031 โดยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละมากถึง 48.2% เลยทีเดียว

ภาพรวมตลาด Deep Tech กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมี AI, ควอนตัม และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) เป็นผู้นำในตลาด และด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงช่วยกระตุ้นให้เงินลงทุนเข้าสู่ตลาดนี้สูงขึ้นตามมา และก็หนีไม่พ้นมีสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นศูนย์กลางที่ได้รับเงินทุนด้านนี้สูงที่สุด


– ความได้เปรียบในการแข่งขัน

ที่ผ่านมา การลงทุนจาก Venture Capital ในสตาร์ทอัพสาย Generative AI พุ่งขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจุดศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก

สตาร์ทอัพด้าน AI โดยบางรายมีมูลค่าซื้อขายที่สูงถึง 70 เท่าของรายได้

เทคโนโลยี GenAI เพียงอย่างเดียว อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจโลกได้มากถึง 2.6-4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตในหลายอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร เทคโนโลยีชั้นสูง และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Sciences)


– สร้างตลาดใหม่

เทคโนโลยีอย่างเช่น Spatial Computing, Agentic AI, และ Quantum Computing กำลังเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา และความบันเทิง

ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมชีวเทคโนโลยี (Biotech) ที่มีการค้นคว้ายาโดยใช้ AI และการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาการรักษาให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น


– ตอบโจทย์ความยั่งยืน

AI ถูกคาดการณ์ว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 3-6 กิกะตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีภายในปี 2035 โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบพลังงาน อาหาร และการขนส่ง

มีสตาร์ทอัพสาย Deep Tech หลายรายกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) และห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน (Sustainable Supply Chains) ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรโลกโดยตรง


– เพิ่มอำนาจให้ประเทศ

ความเป็นผู้นำด้าน Deep Tech กำลังกลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติที่เชื่อมโยงโดยตรงกับความมั่นคงและอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างที่เห็นได้ชัดในการเติบโตของบิ๊กเทคในสหรัฐอเมริกา

หรือตัวอย่างจากทางยุโรปที่ได้เพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี AI รุ่นใหม่ เป็นสองเท่าหรือราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เพราะตระหนักว่าความเชี่ยวชาญในด้าน AI, Quantum Computing และฮาร์ดแวร์ขั้นสูง จะเป็นตัวกำหนดอำนาจของประเทศในอนาคต


– สร้างแรงงานแบบใหม่

ความต้องการทักษะด้าน AI, Machine Learning และ Data Science กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสัดส่วนของประกาศรับสมัครงานที่ระบุว่าต้องมีทักษะด้าน Machine Learning เพิ่มจาก 7% เป็น 14% ในปี 2025

และก็มีหลายโครงการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างทักษะ ยกระดับทักษะ และปรับทักษะใหม่ ให้กับผู้คนในด้าน Deep Tech เพื่อลดช่องว่างทางทักษะลง


THAIRATH FORUM 2025 : The Next New Economy

ร่วมค้นหาโอกาสใหม่ใน The Next New Economy ที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจมหภาค และนิยามการทำธุรกิจใหม่ ในยุคที่เทคโนโลยีระดับลึกพลิกชีวิตและมนุษย์อยู่ยืนยาวกว่าที่เคย

📅 27 ตุลาคม 2568 | เวลา 18.00–20.30 น.

📺 รับชมพร้อมกันทาง LIVE ทาง Facebook เพจ Thairath TV และ YouTube ช่อง Thairath News – ข่าวไทยรัฐ


ที่มา: UNDP, EIT, StartUs, LSE, McKinsey


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ