AI เปลี่ยนเกมแรงงาน : เรื่องเล่าจากสิงคโปร์ สู่อนาคตเศรษฐกิจที่คนและเทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกัน

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

AI เปลี่ยนเกมแรงงาน : เรื่องเล่าจากสิงคโปร์ สู่อนาคตเศรษฐกิจที่คนและเทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกัน

Date Time: 28 ก.ย. 2568 09:00 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

บทความสรุปมุมมองจากการไปสิงคโปร์ร่วมกับ Google Cloud ระบุว่าสิงคโปร์ซึ่งไม่ใช่ผู้สร้างนวัตกรรมรายใหญ่ กลับได้ประโยชน์สูงสุดในยุค AI ด้วยนโยบายรัฐนำการใช้ AI เพื่อสร้างงานและยกระดับทักษะ ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีโลก และทดสอบ AI agents เพื่อปรับปรุงบริการสาธารณะ โดยมีแผนชาติและโครงการวัดผลชัดเจนที่เชื่อมการลงทุน ทรัพยากรมนุษย์ และภาคธุรกิจเข้าด้วยกัน

Latest


ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ผู้สร้างนวัตกรรม แต่ทำไมสิงคโปร์ถึงกลายเป็นประเทศที่อาจได้ประโยชน์สูงสุดในยุค AI? บทความนี้จะเป็นการสรุปมุมมองจากการเดินทางไปสิงคโปร์ร่วมกับ Google Cloud เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเดิมทีได้มีการเผยแพร่ในรายการ Digital Frontiers  ทางช่อง YouTube : Thairath Money โดยจะเป็นการอธิบายถึงโมเดลที่น่าสนใจของสิงคโปร์ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโต ธุรกิจขยาย และประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นไปพร้อมกันแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สำหรับประเทศนี้แล้ว ความก้าวหน้าสำหรับพวกเขาไม่เคยเป็นเรื่องบังเอิญ

จากประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากร สู่ศูนย์กลาง AI ของเอเชีย

ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1965 สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งเดียวที่มีในตอนนั้นคือ "คน" พวกเขาจึงลงทุนด้านการศึกษา ดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลก จนกลายเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชีย

แต่ตอนนี้โลกกำลังเปลี่ยนอีกครั้งเพราะ AI ดังนั้นสิงคโปร์จึงต้องเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่

ปี 2025 นี้ สิงคโปร์ครบรอบ 60 ปีแห่งความเป็นเอกราช เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายก Lawrence Wong ใช้โอกาสนี้ประกาศวิสัยทัศน์สำคัญในการกล่าว National Day Rally ครั้งแรกหลังชนะเลือกตั้ง โดยเน้นย้ำประเด็นสำคัญคือ "การเขียนพิมพ์เขียวทางเศรษฐกิจใหม่ในยุค AI"

"We will not be mere observers, allowing the world to be shaped by others"

(เราจะไม่ยอมเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่ปล่อยให้โลกถูกกำหนดโดยผู้อื่น)

คำกล่าวของ นายก Lawrence Wong นี่ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นแผนงานจริงของประเทศที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งสงครามการค้า ภาษี และภัยคุกคามจากเทคโนโลยีใหม่ต่อแรงงานดั้งเดิม

 "เทคโนโลยีที่สำคัญของยุคสมัยของเรา" เหมือนไฟฟ้าเมื่อ 100 ปีก่อน เหมือนอินเทอร์เน็ตเมื่อ 30 ปีก่อน ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และการปฏิสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาเน้นย้ำว่า "ท้ายที่สุด กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของเรา คือ งาน งาน และงาน"

จากการเดินทางครั้งนี้ สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ Use Case จริงของการเอา AI มาปรับใช้ในระดับประเทศ ไม่ใช่แค่พูดสวยหรู แต่คือการลงมือทำที่มี KPI ชัดเจน วัดผลได้จริง

3 กลยุทธ์หลักที่สิงคโปร์ใช้พิชิตยุค AI

1. รัฐบาลต้องนำก่อน: สร้างงานใหม่ ไม่ใช่แย่งงาน

คำถามที่หลายคนกังวลคือ "AI จะมาแย่งงานคนหรือไม่?" แต่สิงคโปร์กลับคิดตรงข้าม พวกเขาใช้ AI เพื่อสร้างงานใหม่ที่ดีกว่าเดิม

ตัวอย่างจากภาคอุตสาหกรรม:

ท่าเรือสิงคโปร์ - เดิมพนักงานคนหนึ่งควบคุมเครนหนึ่งเครื่อง ตอนนี้ฝึกใหม่ให้ควบคุมเครนและยานพาหนะหลายคันจากระยะไกลด้วย AI ผลคือผลิตภาพเพิ่มขึ้น ปลอดภัยขึ้น และที่สำคัญ เงินเดือนสูงขึ้นด้วย

สนามบินชางงี - กำลังทดสอบใช้ AI จัดการสัมภาระอัตโนมัติ ไม่ได้ให้หุ่นยนต์แทนที่คนงาน แต่ให้คนงานกลายเป็น "supervisor" ที่ควบคุมระบบ AI

แต่ที่น่าทึ่งคือ รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ได้ปล่อยให้คนปรับตัวเอง พวกเขามีโครงการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ:

SkillsFuture Program - รัฐบาลลงทุนมหาศาลในการยกระดับทักษะ ทุกคนได้เครดิตฟรีเพื่อไปเรียนใหม่

Level Up Program - โดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ได้ทั้งเครดิตและค่าเบี้ยเลี้ยงในการฝึกอบรม เพื่อช่วยให้เปลี่ยนอาชีพหรือยกระดับทักษะ

พวกเขาเริ่มจาก National AI Strategy 2.0 ที่เปิดตัวเมื่อธันวาคม 2023 ตั้งเป้าลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ใน 5 ปี และมีการลงมือทำจริงๆ แบบวัดผลได้

โจเซฟิน ทิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศสิงคโปร์ แชร์ว่า ทุกวันนี้ข้าราชการสิงคโปร์ 1 ใน 3 ใช้ AI chatbot ในการทำงานประจำวัน และมี AI bots ย่อยอีก 18,000 ตัวที่ช่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ตอบคำถามประชาชน ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลนโยบาย

สิ่งสำคัญที่เห็นคือ คนไม่ได้ตกงาน แต่ได้งานดีขึ้น

2. Partnership ระดับโลก: ผูกมิตรกับยักษ์ใหญ่

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ "ผูกมิตรกับทุกคน" และใช้จุดแข็งทางภูมิศาสตร์เป็นข้อได้เปรียบ

Thomas Kurian CEO ของ Google Cloud ประกาศบนเวทีว่า "Singapore is the launchpad for AI in Asia" และเปิดเผยว่า "ถ้ามอง AI lab ชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลก 9 จาก 10 แห่งเป็นลูกค้าของเรา และพวกเขาเลือกสิงคโปร์เป็นฐานในเอเชีย"

สิงคโปร์เพิ่งกลายเป็นประเทศแรกในเอเชีย และในกลุ่มประเทศแรกๆ ของโลกที่ได้ Data Residency Guarantees สำหรับ Gemini 2.5 Flash หมายความว่า แทนที่ข้อมูลจะต้องส่งไปประมวลผลในสหรัฐฯ ตอนนี้สามารถประมวลผลได้ในสิงคโปร์เลย ทั้งเก็บข้อมูลและประมวลผลอยู่ในประเทศ

นอกจากนี้ หน่วยงานความมั่นคงอย่าง CSIT, HTX, GovTech เป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่ใช้ Gemini on Google Distributed Cloud แบบ air-gapped ซึ่งเป็นระบบที่ตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตโดยสิ้นเชิง แต่ยังใช้ AI ที่ทันสมัยที่สุดได้

ตัวอย่างจากภาคธุรกิจ:

DBS Bank - ธนาคารที่ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอา AI มาใช้เต็มรูปแบบ Customer Service chatbot ตอบคำถามได้ 80% ไม่ต้องใช้คน พวกเขาคาดว่า AI จะสร้างผลตอบแทนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีนี้ โดยใช้ Vertex AI ของ Google Cloud ร่วมกับแพลตฟอร์มข้อมูลของตัวเองที่ชื่อ ADA (Advancing DBS with AI)

FairPrice Group - ได้เห็น Store of Tomorrow ที่ Punggol Digital District ซึ่งใช้ AI ทั้งร้าน มี Smart Cart Assistant รถเข็นอัจฉริยะที่รู้ว่าเราซื้ออะไรไปแล้ว แนะนำสินค้าที่ลืมซื้อ บอกโปรโมชั่น และนำทางไปหาสินค้าที่ต้องการ รวมถึง Wellness Assistant และ Digital Wine Sommelier AI ที่ช่วยเลือกไวน์

ในงานเบื้องหลัง พวกเขามี Creative Agent ที่ใช้ Imagen 4 และ Veo 3 ของ Google สร้างโฆษณา ลดเวลา 10 เท่า ลดต้นทุน 100 เท่า

แม้ว่าสิงคโปร์ไม่ได้ "สร้าง" เทคโนโลยีเอง แต่เป็นผู้ที่ประยุกต์ใช้เก่งมาก และสร้างมูลค่าเศรษฐกิจจนทุกฝ่ายได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน

3. AI Agents เพื่อบริการประชาชน

อีกเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือ การทดลอง Agentic AI ที่ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่เป็น AI ที่ทำงานแทนเราได้จริงๆ วิเคราะห์ข้อมูล ร่างอีเมล ค้นหาข้อมูล หรือแม้แต่ทำ workflow ที่ซับซ้อน

รัฐมนตรี Teo ยกตัวอย่างว่า:

  • คนทำธุรกิจ ที่ต้องขอใบอนุญาตหลายกรม มักงงว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง AI Agent จะจัดการให้หมด หาข้อมูล นัดหมาย ติดตามผล

  • นักสังคมสงเคราะห์ แทนที่จะเสียเวลากับเอกสาร ให้ AI ช่วย พวกเขาจะได้มีเวลาไปดูแลคนจริงๆ

แต่ต้องระวังว่า AI อาจทำอะไรที่เราไม่ได้สั่ง สิงคโปร์จึงสร้าง AI Agents Sandbox ร่วมกับ Google โดยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้ทดลอง Project Mariner ซึ่งเป็น browser control tool ที่ใช้ AI ควบคุมคอมพิวเตอร์แทนคน

GovTech Singapore นำไปทดลองใช้ในภาครัฐในที่ปลอดภัย ศึกษาความเสี่ยง หาวิธีป้องกัน ก่อนนำไปใช้จริง

สรุป

สิงคโปร์เคยเริ่มต้นจากประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากร แต่สร้าง "ทุนมนุษย์" จนกลายเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชีย

วันนี้พวกเขากำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในยุค AI ด้วย 3 หลักการสำคัญ:

  1. AI เพื่อสร้างงาน ไม่ใช่แย่งงาน

  2. จับมือยักษ์เทคระดับโลก ใช้ประเทศเป็นฮับเชื่อมเอเชีย

  3. ลงทุนในคน ให้พร้อมโตไปกับเทคโนโลยี

อย่างที่นายก Lawrence Wong บอกชัด "เราจะไม่ยอมเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์"

ความสามารถในการรวมเทคโนโลยีและทักษะของมนุษย์เข้าด้วยกัน ช่วยให้สิงคโปร์ยังคงความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดการลงทุนคุณภาพสูง และสร้างงานที่ดีสำหรับคนในชาติ




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ