
ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เริ่มเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น กำลังกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มนุษย์แทบจะขาดไม่ได้ เป็นทั้งเพื่อนช่วยงานและบางครั้งเป็นถึงเพื่อนรู้ใจของใครหลายคน โดยข้อมูลของ Statista ระบุว่า ภายในปี 2025 จะมีจำนวนผู้ใช้งาน AI รวมทั้งสิ้น 378.8 ล้านคน โตขึ้นมาจากปี 2022 ช่วงที่เกิด ChatGPT Moment เป็นเกือบเท่าตัว (201.4 ล้านคนในปี 2022)
จำนวนที่เพิ่มมากขึ้นนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคโนโลยีที่พัฒนาให้ก้าวหน้าตามทัน AI และคนส่วนใหญ่ก็สามารถเข้าถึงเครื่องมือ AI ได้ง่าย ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน หรือที่เรียกว่า GenAI Smartphone ด้วยเช่นกัน
จากรายงานของ Gartner อธิบายว่า GenAI Smartphone คือสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งหน่วยประมวลผลอัจฉริยะ อย่างเช่น Neural Engine หรือ Neural Processing Unit (NPU) ที่สามารถรันโมเดลภาษา (Language Models) ขนาดเล็กได้ในตัวเครื่อง ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมทั้งสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม และสมาร์ทโฟนพื้นฐาน (ที่ราคาต่ำกว่า 350 ดอลลาร์สหรัฐ หรือที่ราคาต่ำกว่า 11,000 บาท)
Ranjit Atwal ผู้อำนวยการอาวุโสของ Gartner กล่าวว่า “ปัจจุบัน ผู้ใช้ยังคงพึ่งพาการพิมพ์ข้อความหรือการสัมผัสหน้าจอเป็นหลัก ขณะที่การสั่งงานด้วยเสียงยังจำกัดในบางขอบเขต แต่ในอนาคตเมื่อ AI สนทนาได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ผู้ใช้จะเริ่มมองว่า AI เป็น เพื่อนคู่คิดเชิงรุก (Proactive Digital Companion) มากกว่าการเป็นเพียงเครื่องมือโต้ตอบ (Reactive Tool) เท่านั้น”
Gartner เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้ใช้ปลายทาง (End-User Spending) สำหรับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม GenAI จะพุ่งแตะ 298,189 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2025 หรือคิดเป็น 20% ของการใช้จ่ายด้าน AI ทั่วโลก
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า เมื่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกรายหันมาเพิ่มโมเดล GenAI และเพิ่มแอปพลิเคชันลงในเครื่อง คาดว่าภายในปี 2026 ยอดค่าใช้จ่ายจะพุ่งไปเป็น 393,297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 32% จากปี 2025 และGartner ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ภายในปี 2029 สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมทุกเครื่องจะมีฟีเจอร์ GenAI ครบ 100%
Ranjit Atwal เสริมว่า “NPU คือกุญแจสำคัญ การใช้ NPU รุ่นใหม่ในสมาร์ทโฟน จะทำให้โมเดล GenAI ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้จำเป็นต้องอัปเกรดไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด”
โดย Gartner คาดว่าในปี 2025 สมาร์ทโฟน GenAI ระดับพรีเมียมเกือบทั้งหมดจะมี NPU ในขณะที่สมาร์ทโฟนพื้นฐานจะมี 41% ที่ติดตั้ง NPU และภายในปี 2027 สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมจะใช้ NPU ที่มีสมรรถนะดีขึ้น ทำให้สามารถรันงาน AI ที่ซับซ้อนแบบ Multimodal ได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่กินพลังงานเกินจำเป็น
ตามจำนวนการใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้น และความพยายามในการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ (Hyperscalers) ที่ทุ่มหนักเพื่อสร้าง Data Center
นอกจากนั้นแล้วยังมีกลุ่มนักลงทุน และ VC ในผู้ให้บริการ AI ที่ทุ่มทุนจำนวนมหาศาล หนุนให้ธุรกิจด้าน AI เติบโต ส่งผลให้ยอดค่าใช้จ่ายหรือยอดการลงทุนในด้าน AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จากรายงานของ Gartner พบว่า มูลค่าการใช้จ่าย AI ทั่วโลกจะสูงทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2026 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำ AI ไปผนวกรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ สมาร์ทโฟน พีซี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน โดยยอดที่ทุ่มลงไปมากที่สุด 5 อันดับแรกในปี 2026 ได้แก่
การลงทุนในสมาร์ทโฟน AI ที่ 393,297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การพัฒนา AI-optimized Servers หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกออกแบบหรือปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ 329,528
การพัฒนาบริการด้าน AI (AI Service) ที่ 324,669 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การพัฒนาซอฟแวร์ AI (AI Application Software) ที่ 269,703 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การพัฒนาชิปประมวลผล AI (AI Processing Semiconductors) ที่ 267,934 ล้านดอลลาร์สหรัฐ