
อาเซียนต้องเร่งผสาน 5G กับ AI เพื่อปลดล็อกศักยภาพดิจิทัล ก่อนจะพลาดโอกาสสำคัญในเวทีโลก รายงานใหม่จาก Lee Kuan Yew School of Public Policy (LKYSPP) ชี้ 5 แนวทางเชิงกลยุทธ์ใช้ประโยชน์จาก 5G เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลในอาเซียน พร้อมข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลอาเซียนที่ต้องลงมือทำทันทีเพื่อไม่ให้อาเซียนถูกทิ้งห่าง ขณะที่ภูมิภาคอื่นเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะยุค AI
Lee Kuan Yew School of Public Policy (LKYSPP) เผยแพร่รายงานวิจัยฉบับล่าสุดภายใต้หัวข้อ “Leveraging 5G to Accelerate AI-Driven Transformation in ASEAN: Imperatives, Policy Insights, and Recommendations” ที่ชี้ว่า อาเซียนกำลังยืนกำลังตามหลังประเทศอื่นๆ ในการใช้งาน 5G ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต หากไม่มีการดำเนินการที่กล้าหาญและประสานงานกันอย่างจริงจัง หากอาเซียนสามารถผสานการใช้เทคโนโลยี 5G เข้ากับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในโลกยุคดิจิทัล
รายงานระบุ ความสำคัญของ 5G ที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีการสื่อสาร แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีบทบาทสำคัญใน 5 ด้าน ได้แก่
นอกจากนี้รายงานชี้ให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ 5G คือ ปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของแต่ละประเทศ เฉพาะเทคโนโลยี 5G เพียงอย่างเดียว คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2573 แต่ปัจจุบันการเข้าถึง 5G ในอาเซียนยังมีความเหลื่อมล้ำสูง ตั้งแต่ระดับ 48.3% ในสิงคโปร์ ไปจนถึงน้อยกว่า 1% ในหลายประเทศสมาชิก
โดยที่ผ่านมารัฐบาลหลายประเทศมีบทบาทสำคัญในการเร่งการใช้งาน 5G ผ่านการจัดสรรคลื่นความถี่ที่มีประสิทธิภาพและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เช่น การแชร์เสาไฟเบอร์และสถานีฐานเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มการแข่งขัน อย่างไรก็ตามแม้ 5G จะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่ยังไม่เกิดผลกระทบเชิงเปลี่ยนผ่านตามที่คาดหวัง ทั้งนี้หากไม่เร่งวางแผนและร่วมมือกัน ความเหลื่อมล้ำนี้อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของทั้งภูมิภาค
ศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง (Professor Vu Minh Khuong) จาก LKYSPP กล่าวย้ำว่า “5G และ AI คือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตสำหรับการผลิตอัจฉริยะ การเกษตรแม่นยำ และระบบขนส่งอัตโนมัติ อาเซียนไม่มีเวลารออีกแล้ว โอกาสในการเป็นผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะกำลังจะหมดลง”
รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมากพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คนใน 8 ประเทศอาเซียน พบว่า ความสำเร็จในการผสาน 5G กับ AI จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยการจัดการในระดับโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงการลดช่องว่างทางดิจิทัลและการขาดแคลนทักษะในแรงงานเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 5G-AI อย่างเป็นรูปธรรม โดยรายงานเสนอแนะ 5 ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ดังนี้
รายงานชี้ให้เห็นตัวอย่างความสำเร็จจากหลายประเทศในอาเซียน เช่น ท่าเรืออัจฉริยะในสิงคโปร์ที่ใช้ 5G เพื่อลดความล่าช้าได้กว่าครึ่ง ระบบจัดการภัยพิบัติที่ใช้ AI ในประเทศไทย และเครือข่ายค้าส่งในมาเลเซียที่ครอบคลุมประชากรถึง 82% เหล่านี้ คือ หลักฐานของศักยภาพมหาศาลที่รอการขยายผล
การวางรากฐาน 5G ในวันนี้ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนา 6G ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2573 ดังนั้น การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในปัจจุบันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคในอนาคต
เมื่อมองไปข้างหน้า LKYSPP คาดว่า หากอาเซียนสามารถขับเคลื่อนกลยุทธ์เหล่านี้ได้จริงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่การผลิตอัจฉริยะ การเกษตรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลไปจนถึงการศึกษาที่เข้าถึงได้ในพื้นที่ห่างไกล แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากยังขาดความมุ่งมั่นเชิงนโยบายและการดำเนินการที่เด็ดขาด
ที่มาข้อมูล LKYSPP
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -