AI เสนอร่าง-แก้ไขกฎหมายครั้งแรกของโลก ยูเออีใช้ AI วิเคราะห์ผลกระทบประชาชน ปลดล็อกปัญหาล่าช้า

Tech & Innovation

Digital Transformation

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล

Tag

AI เสนอร่าง-แก้ไขกฎหมายครั้งแรกของโลก ยูเออีใช้ AI วิเคราะห์ผลกระทบประชาชน ปลดล็อกปัญหาล่าช้า

Date Time: 30 เม.ย. 2568 18:07 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

กรณีศึกษาสำคัญที่ทั่วโลกต้องจับตา เมื่อเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงกระบวนการนิติบัญญัติ หลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เตรียมสร้างฐานข้อมูลกฎหมายรวมศูนย์ ใช้ AI ติดตามผลกระทบของกฎหมายต่อประชาชนและเศรษฐกิจ พร้อมเสนอร่างและแก้ไขกฎหมายอัตโนมัติ ตั้งเป้าช่วยให้กระบวนการออกกฎหมายเร็วขึ้น 70% ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนเรื่องความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยียังเป็นเรื่องใหญ่

Latest


ท่ามกลางกระแสความสนใจและความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในแวดวงกฎหมาย หลายประเทศต่างสำรวจความเป็นไปได้ในการนำ AI มาใช้ช่วยร่างหรือวิเคราะห์กฎหมาย แต่ก็มีคำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน เช่น AI จะตีความกฎหมายที่ซับซ้อนอย่างถูกต้องหรือไม่ จะมีอคติแฝงจากชุดข้อมูลหรือไม่ และมนุษย์จะสามารถตรวจสอบกระบวนการทำงานของ AI ได้เพียงใด

หากไม่มีกรอบควบคุมที่รัดกุม การใช้ AI ในการออกกฎหมายอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนโดยตรง แต่แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) กลับเดินหน้านำ AI มาใช้ช่วยในการร่างกฎหมายใหม่ ตลอดจนการทบทวนและแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่เดิม

ทางการยูเออีรายงานว่า การออกกฎหมายที่ขับเคลื่อนด้วย AI "AI-driven regulation" ถือเป็นแนวทางที่ล้ำหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในขั้นใช้ AI เพื่อสรุปสาระสำคัญของร่างกฎหมายหรือปรับปรุงบริการสาธารณะเท่านั้น แต่ยังไม่มีประเทศใดนำ AI มาใช้ในขั้นตอนการร่างหรือปรับปรุงกฎหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากประเด็นเรื่องความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม ก้าวแรกได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อคณะรัฐมนตรีของยูเออีอนุมัติจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่ชื่อว่า “Regulatory Intelligence Office” เพื่อดูแลการดำเนินการด้าน AI สำหรับการออกกฎหมายโดยเฉพาะ อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายใหญ่ว่าการใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยให้กระบวนการออกกฎหมายเร็วขึ้นถึง 70% อีกด้วย

Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum ผู้ปกครองดูไบในปัจจุบัน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “ระบบนิติบัญญัติใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้จะเปลี่ยนวิธีการสร้างกฎหมายของประเทศ ทำให้กระบวนการเร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ แนวทางการใช้งานเบื้องต้น คือ การติดตามผลกระทบของกฎหมายต่อประชาชนและเศรษฐกิจ โดยการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวมกฎหมายทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น รวมถึงข้อมูลภาครัฐ เช่น คำพิพากษาศาลและบริการราชการต่าง ๆ ขณะที่ AI จะถูกใช้เสมือนผู้ช่วยหรือผู้ร่วมร่างและแก้ไขกฎหมายที่จะเสนอการปรับปรุงกฎหมายเป็นระยะ ๆ

Hesham Elrafei ทนายความและผู้ร่างกฎหมายในยูเออี แสดงมุมมองเพิ่มเติมว่า ยูเออีไม่ได้แค่ใช้ AI ในการร่างกฎหมายเท่านั้น แต่ AI ช่วยนำเสนอวิธีการใหม่ ๆ ในการสร้างกฎหมายแทนที่จะใช้รูปแบบรัฐสภาแบบเดิมที่กฎหมายจะติดอยู่ในการถกเถียงทางการเมืองไม่รู้จบและใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านได้ วิธีนี้เร็วกว่า ชัดเจนกว่าและอิงจากการแก้ไขปัญหาจริง “AI สามารถวิเคราะห์คำตัดสินของศาล ระบุปัญหา และแนะนำกฎหมายที่เติมเต็มช่องว่างได้ นอกจากนี้ยังสามารถศึกษากฎหมายที่ดีที่สุดจากทั่วโลกและช่วยร่างกฎหมายที่อาจเหมาะสมกับประเทศเราได้อีกด้วย” เขากล่าว

มุมมองจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตามนักวิจัยหลายแห่งเตือนว่าโครงการนี้อาจเผชิญความท้าทายหลายด้าน ตั้งแต่ปัญหาที่ AI อาจมีการทำงานซับซ้อนจนผู้ใช้เข้าใจได้ยาก โดยเฉพาะเรื่องความลำเอียงที่เกิดจากชุดข้อมูลที่นำมาใช้ฝึกสอน ไปจนถึงคำถามว่า AI จะตีความกฎหมายได้เหมือนมนุษย์จริงหรือไม่

Rony Medaglia ศาสตราจารย์จาก Copenhagen Business School กล่าวว่า ยูเออีมีความทะเยอทะยานที่จะเปลี่ยน AI ให้กลายเป็นผู้ร่วมร่างและแก้ไขกฎหมายโดยตรง และยกให้เป็นแผนการที่กล้าหาญ แต่ประเด็นเรื่อง AI ในแวดวงกฎหมายยังเป็นเรื่องที่ถกเถียง

Vincent Straub นักวิจัยจาก Oxford University เตือนว่า เรายังไม่สามารถไว้ใจ AI ได้เต็มที่ แม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังมี “ปัญหาความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงของระบบ และอาจสร้างข้อมูลที่ผิดพลาด”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจและนับเป็นก้าวที่นำหน้าไปอีกขั้น จากการมอง AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยสรุปหรือร่าง แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถคาดการณ์และเสนอการเปลี่ยนแปลงได้จริง ยูเออีตั้งใจใช้ AI คาดการณ์ล่วงหน้าว่ากฎหมายใดควรปรับเปลี่ยนบ้าง ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนให้กับทางการได้ เพราะปกติรัฐบาลต้องจ้างสำนักงานกฎหมายทบทวนกฎหมายอยู่เสมอ

“ถ้าวัดที่ความกล้าและวิสัยทัศน์ ยูเออีอยู่แถวหน้าของโลกในเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และไม่เคยมีแผนการใดทะเยอทะยานเท่ายูเออี” Keegan McBride อาจารย์จาก Oxford Internet Institute กล่าว ด้วยระบบการเมืองที่แบบยูเออีที่รวมศูนย์ตัดสินใจไว้ที่สภาปกครองสูงสุดที่เดียว ทำให้พวกเขาเดินหน้าเร็วและกล้าทดลอง ซึ่งทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลทำได้ง่ายกว่าหลายประเทศ

ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าทางการยูเออีจะใช้ระบบ AI ใดในกระบวนการ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจต้องใช้หลายระบบร่วมกัน รวมถึงการตั้งข้อกำหนดที่ชัดเจนและการควบคุมดูแลโดยมนุษย์ยังเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

กรณีศึกษาอื่น ๆ AI ถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง?

แม้จะยังไม่มีประเทศใดที่ประกาศใช้ AI เพื่อ “ร่างหรือแก้ไขกฎหมายโดยตรง” แบบที่ยูเออีกำลังจะทำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายประเทศและองค์กรทั่วโลกเริ่มทดลองใช้ AI ในแวดวงกฎหมายในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งกลายเป็นกรณีศึกษาที่ถูกพูดถึงกันพอสมควร ยกตัวอย่าง

สหรัฐอเมริกา AI มีการใช้ AI สำหรับการวิจัยข้อกฎหมาย (Legal Research) บริษัทกฎหมายหลายแห่งใช้ AI เช่น ROSS Intelligence เพื่อช่วยค้นหาข้อมูลคำพิพากษาศาลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ ROSS ยังถูกฟ้องโดย Westlaw เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ฐานข้อมูลกฎหมาย จนต้องยุติการให้บริการในปี 2021 ซึ่งย้ำถึงความท้าทายทางกฎหมายของการใช้ AI ในวงการ

หรือในอังกฤษที่สำนักงานอัยการและองค์กรยุติธรรมบางแห่งทดลองใช้ AI ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มผลของคดีแบบ Predictive Analytics เช่น การพิจารณาว่าจำเลยมีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำหรือไม่ เพื่อช่วยประกอบการให้ประกันตัว อย่างไรก็มีข้อวิจารณ์ว่า AI อาจสะท้อนอคติในระบบยุติธรรมเดิม เช่น การใช้ข้อมูลตำรวจที่มีอคติเรื่องเชื้อชาติหรือเพศ ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์ผิดเพี้ยน

นอกจากนี้ ในกรณีที่ใช้ AI มากกว่าการช่วยค้นหาและวิเคราะห์ เอสโตเนียเคยประกาศแผนพัฒนา AI ผู้ช่วยผู้พิพากษา (AI Judge) มาช่วยตัดสินคดีมูลค่าที่ไม่สูงมาก เช่น คดีที่มีข้อพิพาทต่ำกว่า 7,000 ยูโร โดยให้ AI ช่วยตัดสินเบื้องต้น ก่อนให้มนุษย์ตรวจทานอีกชั้น โดยโครงการนี้ได้รับความสนใจมาก แต่จนถึงปัจจุบันยังอยู่ในขั้นวางแผนและทดสอบ ยังไม่มีการใช้จริง เพราะเกิดความกังวลเรื่องความโปร่งใสและความยุติธรรม

เช่นเดียวกับบราซิลที่เคยพัฒนา AI ผู้ช่วยศาลรัฐธรรมนูญที่มีชื่อเรียกว่า “Victor” มาช่วยคัดกรองและจัดหมวดหมู่คดีที่เข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งนับเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้ AI ในระบบตุลาการที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา

จะเห็นว่าทั่วโลกยังจำกัดการใช้ AI ในกฎหมายให้อยู่ในบทบาท "ผู้ช่วย" (Assistant) เช่น ค้นหา สรุป วิเคราะห์แนวโน้ม หรือจัดหมวดหมู่ข้อมูล แต่ยังไม่มีประเทศใดที่ให้อำนาจ AI ในการเสนอหรือแก้ไขกฎหมายเองโดยตรง นั่นจึงทำให้แผนของยูเออีถูกจับตามองอย่างมากว่าจะกลายเป็นกรณีศึกษาที่โลกต้องเรียนรู้หรือบทเรียนที่ต้องระวังในอนาคต

AI และระบบนิติบัญญัติ สนามทดสอบเทคโนโลยี

ที่ผ่านมา ยูเออีไม่เพียงลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แต่ยังพร้อมทดลองแนวคิดใหม่ที่ประเทศอื่นยังลังเล ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือต้องเผชิญบทเรียนสำคัญ ยูเออีต้องการเป็นศูนย์กลางด้าน AI และเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก เช่นเดียวกับที่เป็นศูนย์กลางด้านการเงินและโลจิสติกส์ระดับโลก โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยูเออีได้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก อีกทั้งยังขยายระบบนิเวศทั้งด้านการเงิน การลงทุน และการวิจัยข้ามภูมิภาค

ในปี 2017 ยูเออีได้แต่งตั้งรัฐมนตรีด้าน AI คนแรกของโลก "Omar Sultan al-Olama" และไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ได้ประกาศแผนกลยุทธ์ด้าน AI ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเป้าหมายหลายทศวรรษของประเทศโดยมุ่งหวังที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล โดยมีประเมินว่าภายในปี 2030 AI จะมีมูลค่าตลาดโลก 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะส่งผลให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น 35% และลดต้นทุนของรัฐบาลลง 50%

โดยในปีที่แล้ว ยูเออีแสดงท่าทีชัดเจนมากยิ่งขึ้นในวงการ AI ระดับโลก หลังเปิดตัว MGX บริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยีในอาบูดาบีที่เน้นด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ ที่ได้ร่วมลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ BlackRock, Microsoft และกลุ่ม GAIIP (Global Artificial Intelligence Infrastructure Investment Partnership)

แผนการใช้ AI ร่างกฎหมายของยูเออีในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า รัฐอ่าวเล็กแห่งนี้ตั้งใจจะยืนอยู่แถวหน้าของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระดับโลก และจะกลายเป็น “สนามทดสอบ” ที่ทั้งโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า AI จะสามารถเปลี่ยนวิธีการออกแบบกฎระเบียบที่ใช้ปกครองสังคมมนุษย์ได้จริงเพียงใด หรือในที่สุดแล้วเราจะสามารถควบคุม AI ได้มากเท่าที่เราหวังหรือไม่หลังจากนี้

อ่านเพิ่มเติม 

อ้างอิงข้อมูล Financial Times Telegraph Economist NCSC 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล
from digital economies to the art of brand identity