
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) เปิดตัวโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) เพื่อส่งต่อความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้และซ่อมบำรุงโดรนเพื่อการเกษตร แก่ชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศ
พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกิจดั้งเดิมสู่การเกิดศูนย์บริการซ่อมบำรุง ฉีดพ่น และจำหน่ายโดรนเพื่อการเกษตร โดยว่าคาดภายใน 1 ปีจะเกิดศูนย์บริการฯ ราว 50 ศูนย์ทั่วประเทศ ผลักดันให้ชุมชนเกิดการประยุกต์ใช้โดรนเพื่อการเกษตรกว่า 500 ชุมชน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท
โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิด และ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมด้วย ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลผ่านเครื่องยนต์ใหม่ของประเทศไทย (The Growth Engine of Thailand) ซึ่งถือเป็นแผนการดำเนินงานสำคัญที่มุ่งเน้นเป้าหมายด้านการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ของประเทศด้านดิจิทัล
สำหรับโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) ที่ดำเนินการโดย กระทรวงดีอี และ ดีป้า จะช่วยส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โดยการนำโดรนเพื่อการเกษตรไปใช้ในกระบวนการทำการเกษตรไม่ว่าจะเป็นการพ่นยา พ่นปุ๋ย หว่านเม็ดลง จะสามารถลดระยะเวลาในการทำงานเหลือเพียง 2 นาที/ไร่ จากปกติที่เกษตรจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 นาที/ไร่ ทำให้การทำเกษตรกรรมมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้โดรนเพื่อการเกษตรเข้าถึงที่เกษตรกรไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะเกษตรไร่อ้อย
รูปแบบการใช้งานยังสามารถสั่งการ และระบุจุดให้โดรนทำงานได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งฟังก์ชันต่างๆ จะช่วยให้การทำงานได้เร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการจ้างแรงงานในภาคการเกษตรที่ปัจจุบันมีราคาสูงมากเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณคนละ 500 บาท/คน/วัน แต่หากใช้โดรนจะเหลือเพียงราวๆ 1,000 บาท/ไร่ เท่านั้น
ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) เป็นการบูรณาการการทำงานระหว่าง ดีป้า และเครือข่ายพันธมิตร มีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อการยกระดับชุมชนด้วยเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตรผ่านการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบินและการซ่อมบำรุงโดรนแก่กลุ่มเกษตรกรและชุมชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านธุรกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ ศูนย์บริการซ่อมบำรุง ฉีดพ่น จัดจำหน่ายโดรนการเกษตรที่ได้รับการรับรองสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand: MiT) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และมาตรฐาน dSURE จากดีป้า
ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ภายใน 1 ปีของการดำเนินโครงการจะเกิดศูนย์บริการฯ ทั่วประเทศจำนวน 50 ศูนย์ ผลักดันให้ชุมชนเกิดการประยุกต์ใช้โดรนเพื่อการเกษตรจำนวน 500 ชุมชน คิดเป็นพื้นที่ทางการเกษตรรวมไม่น้อยกว่า 4 ล้านไร่
นอกจากนี้ ดีป้า และพันธมิตรจะเปิดอบรมหลักสูตรผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้คนขับ ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล และหลักสูตรการดูแลรักษาและการซ่อมบำรุงโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งเนื้อหาของทั้งสองหลักสูตรได้รับการออกแบบโดยดีป้า และผ่านการรับรองจากสถาบันการบินพลเรือน
พร้อมตั้งเป้าผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้คนขับ 1,000 คน และหลักสูตรการดูแลรักษาและการซ่อมบำรุงโดรนเพื่อการเกษตร 100 คน โดยเกษตรที่จะเข้าร่วมโครงการได้นั้นจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรฝึกบินโดรน จนได้รับใบอนุญาตบินโดรนก่อนจึงจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับงบประมาณที่ดีป้าจะสนับสนุนจะเป็นงบประมาณจากดีป้า 60% และเงินจากชุมชน 40% ซึ่งชุมชนสามารถขอรับเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินได้ แต่หากเกษตรกรหรือชุมชนสามารถรวบรวมพื้นที่ได้ 4,000 ไร่ จะได้รับโดรนไปใช้ในการเกษตรเลยทันที
นอกจากนี้ดีป้าประเมินว่า โครงการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน ลดการจ้างงานและระยะเวลาการทำงาน ลดอัตราการเจ็บป่วยจากการสูดดมและสัมผัสกับสารเคมี ขณะเดียวกันจะช่วยสร้างเกษตรกรและช่างในชุมชนที่มีความรู้ความเข้าใจในทักษะรอบด้านเกี่ยวกับโดรนการเกษตร สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและสมาชิกในชุมชน