Google - Amazon - NTT ปลุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยร้อนแรง ปูทาง สู่ "ศูนย์กลางดิจิทัลอาเซียน"

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Google - Amazon - NTT ปลุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยร้อนแรง ปูทาง สู่ "ศูนย์กลางดิจิทัลอาเซียน"

Date Time: 16 มิ.ย. 2566 13:58 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

ไนท์แฟรงค์ เผย ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย กำลังเติบโตอย่างมาก ไตรมาสแรก มีทั้งหมดอยู่ที่ 269 เมกะวัตต์ มองการเข้ามาของ ยักย์ใหญ่ Google - Amazon - NTT และอีกหลายๆ ค่าย จะดันให้ไทย ขยับเข้าสู่เป้าหมาย "ศูนย์กลางดิจิทัลอาเซียน" เร็วขึ้น

Latest


เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางของผู้นำยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก อย่าง Google และ Amazon Web Services (AWS) หลังจาก ประกาศแผนการจัดตั้งศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย


ว่ากันว่า กลยุทธ์ใหม่ของยักษ์ใหญ่ ทั้ง 2 ราย จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลที่สำคัญในอาเซียน ภายใต้ สิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ถูกสร้างขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค ได้บังคับใช้ข้อจำกัดใหม่ รวมถึงกฎเกณฑ์เฉพาะและโควตาจำกัดที่ 60 เมกะวัตต์สำหรับกำลังการผลิตใหม่ในแต่ละปี กฎเหล่านี้ช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการของดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นได้ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับการดำเนินธุรกิจ


เมื่อพูดถึงแนวโน้มหรือการพัฒนาของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทย ชี้ให้เห็นว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการ "ดาต้าเซ็นเตอร์" ต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในตลาดไทยเป็นจำนวนมาก ผลักดันให้เกิดดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyper Scalers) ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ไทยมี ดาต้าเซ็นเตอร์เพียงไม่กี่แห่ง และมีความจุไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ 

เรด ฟิตซ์ลัน ฮาวาร์ด หัวหน้าด้านดาต้าเซ็นเตอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลของประเทศ อีกทั้ง การใช้งานระบบคลาวด์มีแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ ไทยถูกมองเป็นตลาดดาต้าเซนเตอร์ที่น่าสนใจ เพราะกลุ่มนักลงทุน มีแนวโน้มรวมกิจการและการเข้าร่วมลงทุนร่วมกัน (M&A) มากขึ้น และการจัดหาที่ดิน พร้อมมีข่าวว่า ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จากประเทศสหรัฐฯ และจีนประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะขยายตลาดเข้ามาให้บริการในประเทศไทย 


อย่างไรก็ตาม มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายพื้นที่อุตสาหกรรมของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ชี้ว่า ความท้าทายของนักลงทุน ก็คือ การหาทำเลที่ตั้ง "ดาต้าเซ็นเตอร์" ที่เหมาะสม เช่นเดียวกับ จำนวนการใช้งานเทคโนโลยีต่อประชากรในไทย ที่ยังคงต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ทำให้ กรมส่งเสริมการลงทุน (BOI) ต้องเสนอแพ็กเกจ ส่งเสริมการลงทุนในในด้านดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้กิจการ (CIT) นาน 8 ปีโดยไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้ หน่วยงานที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดสามารถมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษีเพิ่มเติมสูงสุดอีก 5 ปี ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นและระดับนานาชาติที่จะสร้างเสริมฐานที่แข็งแกร่งและเข้าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ


ตามข้อมูล ไตรมาส 1 ปี 2566 ไทยมีดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมดอยู่ที่ 269 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นมาเกือบ 30% จากช่วงปลายปี 2565 โดยหลักๆ มาจากการร่วมมือของผู้นำในตลาดและผู้ให้บริการรายใหม่ และคาดว่าตลาดจะยังคงคึกคักอย่างมากตลอดทั้งปี จากโครงการที่กำลังพัฒนาหลายๆ โครงการ เช่น KDDI Telehouse ที่เพิ่มสร้างโรงงานดาต้าเซ็นเตอร์เสร็จ ขนาด 9.5 เมกะวัตต์ในพื้นที่พระราม 9 ในขณะที่ OneAs1a กำลังพัฒนาพื้นที่ส่วนแรกขนาด 3 เมกะวัตต์จากทั้งหมด 13.5 เมกะวัตต์ในพื้นที่ปทุมธานี นอกจากนี้ NTT Global Data Centers ยังได้ประกาศแผนการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ Bangkok 3 ซึ่งเป็นโรงงานขนาด 12 เมกะวัตต์ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในชลบุรีในปี 2567 และ GSA Data Center เพิ่งจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 20 เมกะวัตต์ในจังหวัดสมุทรปราการ และยังมีแผนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2568


แนวโน้มความต้องการ แง่บริการคลาวด์และการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ทั้งจาก อุตสาหกรรมการเงิน (ธนาคาร หลักทรัพย์ ประกัน) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ บริษัทเทคโนโลยี และหน่วยงานรัฐบาล ลูกค้าทั้งภายในประเทศเองหรือต่างชาติ ต้องการโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและจัดการปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ