ไขข้อข้องใจ Ledger คืออะไร ? ตู้เซฟเก็บกุญแจคริปโตฯ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่ยึดจาก “นานา ไรบีนา”
Date Time: 4 ธ.ค. 2568 12:05 น.
“Summary“
ตำรวจ ปอศ. จับกุม นานา ไรบีนา ผู้ต้องหาฉ้อโกงมูลค่า 195 ล้านบาท
- เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์สินมูลค่า 10 ล้านบาท รวมถึง Ledger Nano X
- Ledger Nano X เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตเก็บ Private Key
- Ledger ไม่ได้เก็บคริปโตฯ โดยตรง แต่เก็บ 'กุญแจ' เข้าถึงสินทรัพย์
- Ledger มีผู้ใช้กว่า 6 ล้านรายทั่วโลก และขายอุปกรณ์แล้วกว่า 8 ล้านชิ้น
จากกรณีตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. เข้าคุมตัว นานา ไรบีนา ผู้ต้องหาตามหมายจับฉ้อโกงมูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท ที่บ้านพักย่านพระโขนง พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นอกเหนือจากกระเป๋าแบรนด์เนม จิวเวลรี รถยนต์ และของสะสมงานศิลปะ
หนึ่งในของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ คือ Ledger Nano X อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่หลายคนเชื่อว่าเป็น “กระเป๋าคริปโตที่ซ่อนเงินได้เนียนที่สุด” ถึงขั้นไม่มีใครเปิดได้ แต่ความจริงแล้ว Ledger ไม่ใช่ตู้เซฟเงินดิจิทัล แต่เป็นเพียง “ตู้เซฟสำหรับเก็บกุญแจ” ที่ใช้เปิดตู้เซฟอีกชั้นหนึ่งบนระบบบล็อกเชนต่างหาก
Ledger ตู้เซฟที่เก็บ “กุญแจตัวจริง”
ในบรรดานักลงทุนคริปโตฯ การจัดเก็บสินทรัพย์ให้ปลอดภัยต้องรู้จักอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) อย่าง "Ledger" หรือเลดเจอร์ หนึ่งในแบรนด์ผู้นำด้านอุปกรณ์จัดเก็บกุญแจส่วนตัวแบบออฟไลน์และโซลูชันความปลอดภัยสำหรับผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ถูกยกให้เป็นเบอร์ต้นของอุตสาหกรรม และเป็นชื่อแรกๆ ที่สายคริปโตฯ ทั่วโลกนึกถึงเมื่อพูดถึงความปลอดภัยของคริปโตฯ
ในทางเทคนิค ledger หมายถึงระบบบันทึกธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งทำหน้าที่บันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ ขณะที่เครือข่ายอย่าง Bitcoin และ Ethereum ถือเป็น Public Ledger ที่เปิดให้ทุกคนเข้าตรวจสอบธุรกรรมได้ แม้จะไม่รู้ตัวตนเจ้าของกระเป๋า
ส่วน Ledger Hardware Wallet ที่หลายคนคุ้นเคย คือ อุปกรณ์หน้าตาคล้าย USB ที่ทำหน้าที่จัดเก็บ Private Key ของผู้ใช้งานแบบออฟไลน์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกหรือมัลแวร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวหรือผู้ถือสินทรัพย์จำนวนมาก
นักลงทุนที่มีสินทรัพย์สุทธิสูงจำนวนไม่น้อยมักเก็บสินทรัพย์ เช่น BTC, ETH และ Stablecoin ไว้ในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์แบบออฟไลน์และเก็บคีย์ไว้ใน Ledger เพื่อความปลอดภัยสูงสุด อย่างไรก็ตาม คริปโตฯ ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์โดยตรง อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่เพียงเก็บ “คีย์” หรือกุญแจที่พิสูจน์ว่าเราเป็นเจ้าของคริปโตบนบล็อกเชนเท่านั้น เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน Ledger ไม่ใช่ที่เก็บเงิน แต่เก็บกล่องเก็บ “กุญแจของตู้เซฟตัวจริง” อีกทีนั่นเอง
ดังนั้นถ้าอุปกรณ์ Ledger หาย เหรียญของเราที่ถูกเก็บไว้ในระบบจะยังปลอดภัย ทั้งนี้การจะกู้คืนอุปกรณ์ Ledger ต้องใช้กุญแจสำรองที่เรียกว่า Seed Phrase ประกอบด้วยตัวเลขและชุดคำ 12-24 คำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรหัสแม่ของตู้เซฟที่สามารถใช้เปิดอุปกรณ์จากที่อื่นเพื่อทำธุรกรรมได้
นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์แล้ว Ledger ยังพัฒนาแอปพลิเคชัน Ledger Live ซึ่งเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการคริปโตฯ และสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้สามารถรองรับการซื้อ-ขาย-รับ-แลกเปลี่ยน พร้อมทั้งดูมูลค่าพอร์ตได้ในที่เดียว โดยข้อมูลทั้งหมดเข้ารหัสและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Ledger โดยตรง เพิ่มความปลอดภัยมากกว่าใช้แอปฯ third-party อื่นๆ
ปัจจุบัน Ledger มีผู้ใช้มากกว่า 6 ล้านรายหรือกว่า 20% ของมูลค่าสินทรัพย์คริปโตฯ ทั่วโลกได้รับการปกป้องด้วยอุปกรณ์ของบริษัท ขณะที่อุปกรณ์มากกว่า 8 ล้านชิ้นถูกขายไปในกว่า 165 ประเทศทั่วโลกนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014 โดยแบรนด์ได้เปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Ledger Nano S Plus, Ledger Nano X, Ledger Flex และ Ledger Stax ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
Author
