
Binance TH เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025 โดยมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 4 เท่า และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 5.5 เท่า
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโตทั่วโลกในปี 2025 BINANCE TH by Gulf Binance ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทย กลับเติบโตมหาศาล เมื่อจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 5.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (มกราคม-ตุลาคม 2025 เทียบกับ 2024)
นอกจากนี้แอปพลิเคชัน BINANCE TH ยังกลายเป็นแอปคริปโตที่ดาวน์โหลดสูงสุดอันดับ 1 ในไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 60% ในเดือนสิงหาคม 2025 และยังคงรักษาระดับ 45-46% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ตามข้อมูลจาก Sensor Tower
ในปีที่ผ่านมา Binance TH เข้าถึงคนไทยมากกว่าแสนคนผ่านโครงการด้านการศึกษาและกิจกรรมภาคสนามทั่วประเทศ รวมถึงการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยที่ทำ MOU กับมหาวิทยาลัยระดับชาติ เพื่อวางรากฐานความรู้บล็อกเชนให้กับคนรุ่นใหม่
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Binance TH กล่าวว่า "แม้ตลาดจะผันผวน แต่ปีนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของกลยุทธ์เรา ความเข้าใจและการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักศึกษาจนถึงสถาบัน เราเห็นคริปโตกลายเป็นทั้งเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น ความผันผวนไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ที่ใหญ่กว่าสำหรับปี 2026"
BINANCE TH ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ 3 เสาหลัก
1. แพลตฟอร์มชั้นนำที่หลากหลาย
เสนอโทเค็นมากกว่า 400+ ชนิด มากที่สุดในตลาดไทย (ข้อมูล ณ กุมภาพันธ์ 2024)
มีหมวด APEX Tokens สำหรับโทเค็นในช่วงต้นที่มีศักยภาพสูง (พร้อมความเสี่ยงสูง) เช่น Zora ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคอนเทนต์ดิจิทัลที่สร้างสรรค์บน Layer 2 ของ Base
ระบบมีความเสถียรสูง ไม่มีวันหยุดให้บริการ (0 down days) ตลอดปี และใช้ความจุระบบเฉลี่ยเพียง 1.4%
2. ใส่ใจผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง
ระบบ AI Bot ตอบคำถามได้ 67% และ 87% ของคำถามที่เหลือได้รับการตอบภายใน 60 วินาที
คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าสูงกว่า 90% (ให้คะแนน 4-5 จาก 5)
ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้ โดยมีระดับ VIP สูงสุด 5 ระดับ ยิ่งเทรดมากค่าธรรมเนียมยิ่งต่ำ (VIP 5 เริ่มต้นที่ 75 ล้านบาทขึ้นไป ค่า Maker เพียง 0.025%)
ความปลอดภัยระดับสูงด้วย Passkey และ Face Scan Withdrawal
3. ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น
หน้าแรกที่ปรับโฉมใหม่ รวมข้อมูลสำคัญครบจบในที่เดียว
AI Sentiment วิเคราะห์อารมณ์ตลาดจากโซเชียลมีเดีย
Daily Insight สรุปภาพรวมตลาดในแต่ละวัน
Fear & Greed Index วัดความกลัวหรือความโลภของตลาด
Easy Transfer โอนคริปโตด้วย UID, Email หรือเบอร์โทรศัพท์ได้เลย ไม่ต้องใช้ที่อยู่กระเป๋าเงินยาว ๆ
Token Rewards สำหรับผู้ถือ BNB - ถือไว้ก็ได้รางวัล
นอกจากนี้ Binance TH ยังได้ขยายอีโคซิสเต็มด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยได้ประกาศความร่วมมือกับ Bitazza, Maxbit และ The Brooker Group เพื่อปรับปรุงสภาพคล่องของตลาด และขยายโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงสำหรับนักลงทุนกลุ่ม High Net Worth ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยไปด้วยกัน
ดร.กร พูนศิริวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์และผู้อำนวยการ BINANCE TH Academy ชี้ว่าปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยมี 3 ปัจจัยหลัก
1. กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นทั่วโลก
สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Trump มีนโยบายสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน โดยแต่งตั้งบุคคลากรที่เป็นมิตรกับคริปโตในตำแหน่งสำคัญ เช่น Paul Atkins (หัวหน้า SEC) และ Scott Bessent (รัฐมนตรีคลัง)
สหภาพยุโรปบังคับใช้ MiCA (Markets in Crypto-Assets) ครอบคลุมทั้ง 27 ประเทศภายในปี 2025
ฮ่องกงผ่านกฎหมาย Stablecoin ที่ต้องได้รับใบอนุญาต
ไทยก้าวนำด้วย G-Token (พันธบัตรรัฐบาลดิจิทัล), Tourist DigiPay และยกเว้นภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล 5 ปี
2. สถาบันและกระแสหลักเข้ามาจริงจัง
Bitcoin ETF เป็น ETF ที่มีเงินไหลเข้ามากที่สุด ($20.3 พันล้าน YTD) แซงหน้าแม้แต่ S&P 500 ETF
ธนาคารใหญ่ทั่วโลกอย่าง JPMorgan, Goldman Sachs, Citi, Deutsche Bank เปิดบริการเกี่ยวกับคริปโตแล้ว
บริษัทการเงินระดับโลกอย่าง BlackRock, Fidelity, Franklin Templeton มีส่วนร่วมในตลาดคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ
3. Stablecoins, Tokenization และ Real-World Assets (RWA)
Stablecoins กำลังกลายเป็นแกนหลักของระบบการเงินดิจิทัล ด้วยปริมาณธุรกรรมมากกว่า $3 ล้านล้านต่อปี
PayPal, Visa, Mastercard, Stripe ต่างพัฒนาระบบชำระเงินด้วย Stablecoin
Tether และ Circle (ผู้ออก USDC) ถือพันธบัตรสหรัฐฯ รวมกัน $166 พันล้าน เทียบเท่ากับประเทศอย่างนอร์เวย์
Tokenization กำลังเปลี่ยนวิธีการลงทุนในสินทรัพย์ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์หายากอย่างไวน์ งานศิลปะ นาฬิกา กระเป๋า - ตลาดมูลค่า $15+ ล้านล้านภายในปี 2030
การเคลียริ่งที่เคยใช้เวลาหลายวันกลายเป็นเพียงไม่กี่นาที
"ปี 2026 สินทรัพย์ดิจิทัลจะเปลี่ยนจากแนวคิดสู่การใช้งานจริง" ดร.กร กล่าว "เราจะเห็นการยอมรับในวงกว้าง กฎระเบียบที่ชัดเจน และการบูรณาการที่ลึกซึ้งกับระบบการเงิน ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีที่คนไทยมีปฏิสัมพันธ์กับมูลค่าทางดิจิทัล"