ทำไม Bitcoin ร่วงหลุดแสน? ทั้ง ๆ ที่ปี 2025 ทรงเหมือนจะดี

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไม Bitcoin ร่วงหลุดแสน? ทั้ง ๆ ที่ปี 2025 ทรงเหมือนจะดี

Date Time: 19 พ.ย. 2568 11:44 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน หลังเคยทำราคาสูงสุดที่ 126,198 ดอลลาร์สหรัฐฯ

  • ปัจจัยกดดันราคามาจากความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐฯ และแรงขายจาก ETF รวมทั้งการเทขายหุ้นเทคโนโลยี
  • ETF บิตคอยน์แบบ Spot 12 กองทุน มีเงินไหลออกกว่า 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
  • นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการร่วงลงครั้งนี้เป็นการล้างเลเวอเรจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบขาขึ้นครั้งใหม่
  • นักเทรดหันมาซื้อประกันขาลงมากขึ้น สะท้อนมุมมองว่าราคาบิตคอยน์อาจยังลงต่อได้อีก

Latest


เมื่อวันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อบิตคอยน์ (Bitcoin) มูลค่าร่วงลงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลดลงต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา จากมูลค่าสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 126,198 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีนี้ และร่วงหลุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

การที่มูลค่าบิตคอยน์ลดลงต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้กำไรที่เคยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2025 ถูกลบหายไปหมด

ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์ราคาร่วงจนแดงทั้งกระดานแบบนี้คือเดือนเมษายน ที่ราคาดิ่งลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 74,400 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะการประกาศแผนเก็บภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2025) ตามเวลาประเทศไทย ราคาบิตคอยน์ก็กลับขึ้นมาสู่ระดับ 92,000 แล้ว ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap


ทำไมบิตคอยน์ถึงร่วงหลุดแสน?

การปรับตัวลงของมูลค่าบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลาง “แรงต้านทางเศรษฐกิจ” หลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่เริ่มดูมีมูลค่าสูงเกินจริง

นักลงทุนยังได้มีการคาดการณ์ใหม่ด้วยว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจไม่ลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม” อย่างที่เคยคาดไว้ โดยตอนนี้ความเป็นไปได้อยู่ต่ำกว่า 50% ส่งผลให้นักลงทุนไม่อยากเสี่ยง และทำให้บิตคอยน์โดนเทขายหนักกว่าเดิม

อีกหนึ่งแรงกดดันสำคัญคือ “การเทขายจากฝั่ง ETF” ทำให้เงินไหลออกและบีบให้กองทุนคริปโตฯ หลายรายต้องขายสินทรัพย์เพื่อปรับพอร์ต โดยเฉพาะบริษัทที่ถือบิตคอยน์จำนวนมาก อย่างเช่น Strategy ของ Michael Saylor ที่เริ่มถูกกดดันหนัก เพราะราคาหลุดระดับที่บริษัทเคยเข้าซื้อสะสม

และเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน ETF บิตคอยน์แบบ Spot ทั้ง 12 กองทุน มีเงินไหลออกแล้วรวมกว่า 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเคยเป็นแรงซื้อหลักจนดันราคาขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ตลาดคริปโตฯ โดยรวมยังไม่ฟื้นหลังจากการร่วงหนักตั้งแต่ช่วงตุลาคม ที่ “ตลาดคริปโตฯ มีการล้างพอร์ตกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ” และทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน รายย่อยที่เคยชอบช้อนตอนแดงก็เริ่มหายหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มเหรียญ Altcoins

ฝั่งตลาดออปชันก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดย “นักเทรดหันมาซื้อประกันขาลงหนักขึ้น” และมีดีมานด์สูงที่สัญญา Put ระดับราคา 85,000 และ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ บ่งบอกชัดเจนว่าอีกหลายคนยังมองว่าบิตคอยน์อาจยังลงต่อได้อีก

ยิ่งไปกว่านั้น การอ่อนตัวลงของบิตคอยน์เกิดขึ้นควบคู่กับ “กระแสเทขายหุ้นเทคฯ ที่เกี่ยวข้องกับ AI” ตลอดเดือนนี้ ซึ่งด้านดัชนีหุ้นเทคฯ อย่าง Nasdaq 100 ก็อ่อนตัวลง ร่วงไปแล้ว 4.5% ในเดือนนี้ และดูเหมือนจะเดินตามตลาดคริปโตฯ ไป เพราะนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากถือทั้งหุ้นเทคฯ และคริปโตฯ ควบคู่กัน

อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า นี่คือจังหวะล้างเลเวอเรจเพื่อรันรอบใหม่*** โดย Willem Schroé ซีอีโอของ Botanix Labs มองอีกมุมหนึ่งว่า นี่คือกระบวนการสำคัญที่ทำให้ตลาดพร้อมสำหรับรอบกระทิงครั้งใหม่

“การที่บิตคอยน์หลุด 90,000 ชั่วคราว ไม่ได้เปลี่ยนภาพใหญ่ของตลาดเลย ทุกวัฏจักรของบิตคอยน์จะมีการร่วง 20-30% เพื่อล้างเลเวอเรจออกไป และประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าช่วงแบบนี้แหละคือฐานสำคัญสำหรับรอบขาขึ้นครั้งถัดไป” Willem Schroé กล่าว


***อธิบายคำพูดของ Willem Schroé ก็คือว่า การล้างเลเวอเรจ เป็นการที่ตลาดสลัดคนที่กู้เงินมาเทรดออกไปจากระบบก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ราคาสินทรัพย์ตกลงแรง ๆ จนคนที่ยืมเงินมาเทรดถูกบังคับปิดสถานะ หรือพูดง่าย ๆ ว่าถูกล้างพอร์ต พอคนกลุ่มนี้หายไป ตลาดจะกลับมานิ่ง เบาขึ้น ลดความเสี่ยงจากการถูกบังคับขาย และพร้อมสำหรับการขึ้นรอบใหม่ได้ง่ายขึ้น


ที่มา: CNBC, Bloomberg [1][2]


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ