ทางเลือกระบบการเงินไทย ในวันที่สหรัฐฯโอบรับ Bitcoin ถกประเด็นร้อนกับ 3 ผู้เชี่ยวชาญภาคการเงินไทย

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทางเลือกระบบการเงินไทย ในวันที่สหรัฐฯโอบรับ Bitcoin ถกประเด็นร้อนกับ 3 ผู้เชี่ยวชาญภาคการเงินไทย

Date Time: 11 พ.ย. 2568 10:13 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ไทยพิจารณาถือ Bitcoin เป็น Strategic Reserve เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน

  • กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยถูกมองว่ามีความสำคัญ แต่ต้องพัฒนาให้ครอบคลุม DeFi และ Stablecoin
  • หน่วยงานกำกับดูแลต้องปรับตัวหลังวิกฤต Luna และ FTX เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและนวัตกรรม
  • ไทยควรมี Framework ที่ชัดเจนสำหรับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในภาคธุรกิจ เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโต
  • การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลต้องสร้างสมดุลเพื่อป้องกันความล้มเหลวของตลาดและคุ้มครองผู้บริโภค

Latest


ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาเริ่มเปิดรับ Bitcoin เข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการ การถกเถียงเรื่อง “อนาคตของระบบการเงินไทย” ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เวทีเสวนาพิเศษในงาน Thailand Blockchain Week 2025 ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทยมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อประเด็นนี้  

  • คุณพิริยะ สัมพันธารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Right Shift

  • ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

  • คุณทิพยสุดา ถาวรามร อดีตรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ไทยคือหนึ่งในประเทศแรกของโลกที่มีกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล

ทิพยสุดา กล่าวย้อนถึงการผลักดันกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยในช่วงเริ่มต้นว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากแนวคิดที่ต้องการให้การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแล เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและสร้างมาตรฐานให้ตลาด

“ในตอนนั้นเรายังมองไม่เห็นภาพชัดว่าโลกคริปโตจะไปไกลขนาดนี้ แต่กระทรวงการคลังมีความมุ่งมั่นมาก จึงเกิดการผลักดันอย่างจริงจังให้มีกฎหมายที่ปฏิบัติได้จริง ไม่เป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรม” ทิพยสุดา กล่าว

ผลลัพธ์คือประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ออก พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมี “สถานะทางกฎหมาย” และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ

“มันช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการ แต่เรายังต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องกรอบกฎหมายที่ยังไม่ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น DeFi หรือ Stablecoin” ทิพยสุดากล่าว

รัฐบาลควรมี Bitcoin อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ?

พิริยะ เสนอแนวคิดว่า “หากมีโอกาสตัดสินใจในระดับนโยบาย ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดประเทศไทยควรพิจารณาถือ Bitcoin เป็น Strategic Reserve”

โดยเขาอธิบายว่า แม้การใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์อ้างอิง (backing asset) ของระบบการเงินอาจยังเร็วเกินไป แต่รัฐบาลควรเริ่มจาก “ก้าวเล็กๆ ที่เป็นไปได้”“วันนี้มันไม่เหลือเหตุผลแล้วที่รัฐบาลจะไม่มี Bitcoin อยู่บ้าง” 

พร้อมกันนี้ดร.พิริยะยังเสริมว่า การบังคับใช้กฎหมายหรือการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบโดยที่ประชาชนยังไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วย อาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี

“กฎหมายต้องชัด” โดยเฉพาะ Stablecoin และ DeFi

ในอีกด้านหนึ่ง ทิพยสุดา ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพราะคำว่า Digital Asset ครอบคลุมตั้งแต่เงินตรา หลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึงผลงานศิลปะดิจิทัล (NFT)

“ปัญหาหลักคือความไม่ชัดเจน เพราะเราพยายามเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมทุกอย่าง แต่เทคโนโลยีมันเคลื่อนไหวเร็วกว่าเสมอ”

โดยเฉพาะในกรณี Stablecoin ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานแพร่หลายทั่วโลก“ประเทศไทยต้องชัดเจนว่าใครสามารถออก Stablecoin ได้ ออกได้ในลักษณะใด อยู่ภายใต้การกำกับของใคร ถ้าไม่ชัด ระบบจะเกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพ” 

ส่วนประเด็น DeFi (Decentralized Finance) ทิพยสุดา เตือนว่า“ตอนนี้หน่วยงานกำกับห้ามผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลไปยุ่งเกี่ยว แต่คนที่อยู่นอกระบบกลับทำได้ทุกอย่าง นั่นคือปัญหา เพราะโลกแบบนี้จะอยู่ไม่รอด”

Regulator ต้องปรับตัว หลังบทเรียน Luna และ FTX

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกคริปโตหลังผ่านวิกฤต Luna และ FTX ว่า“ช่วงแรกทุกคนคิดว่าในโลกคริปโตจะทำอะไรก็ได้ Regulator ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปกำกับอย่างไร แต่เมื่อเกิดปัญหา ราคาตกลงมาอย่างรุนแรง หลายอย่างที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏขึ้น”

เขายกตัวอย่างกรณี Luna ที่ใช้เหรียญตัวเองเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน และ FTX ที่ใช้เงินลูกค้าอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ“ผมคิดว่ารอบนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีกฎระเบียบที่ดีขึ้น และผู้กำกับดูแลก็เรียนรู้มากขึ้นว่าจะต้องทำอย่างไรให้สมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมนวัตกรรม”


สองขั้วระบบการเงินโลก: สหรัฐ vs จีน

เมื่อถูกถามว่า “ประเทศไทยควรเลือกทางไหน” ระหว่างสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังผลักดันการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงิน กับจีนที่พัฒนา CBDC (Central Bank Digital Currency) และสะสมทองคำแทน พิริยะตอบว่า ทั้งสองประเทศมีแนวทางแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“สหรัฐกำลังสร้างบทบาทผู้นำโลกทางการเงินใหม่ ด้วยการทำให้ Bitcoin และ Stablecoin เป็นส่วนหนึ่งของระบบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของดอลลาร์ในระยะยาว”

ส่วนจีนมีโจทย์ต่างออกไป เพราะถือสินทรัพย์ของสหรัฐฯ เช่นพันธบัตรรัฐบาลและดอลลาร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยงจากการอายัดหรือการลดค่าเงิน“จีนจึงเลือกที่จะลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ หันไปสะสมทองคำแทน เพราะถ้าเข้าไปยุ่งกับ Bitcoin จะทำให้ควบคุมกระแสเงินทุนไม่ได้”

นอกจากนี้ พิริยะยังแนะนำเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทย หากภาคธุรกิจเริ่มถือสินทรัพย์ดิจิทัลไว้เป็นทุนสำรอง หรือรับชำระในรูปแบบ Bitcoin และ Stablecoin ก็ควรมี Framework ที่ชัดเจน โปร่งใส และง่ายต่อการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้กลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอนาคต

“ระบบการเงินดั้งเดิม” ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ “โลกใหม่”

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า  ในฐานะผมเป็นประธานตลาดทุน มันไม่ดีกับทุกคนเลยถ้าเกิดเราจะแบ่งเส้นว่านี่คือ traditional asset แล้วนี่คือ digital asset ในอนาคตมันคือ Investment asset เราต้องพยายามเอาบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Digital Asset ในทุกรูปแบบเข้ามา

อีกมุมหนึ่ง ในฐานะ Banker ตัว Central Digital Currency ต่างๆ ตั้งใจที่จะมา Disrupt การทางการเงิน ตอนนี้ Banker กำลังคิดว่าเราจะสู้ยังไง เพราะไม่เช่นนั้นเราก็ตาย เราเรียกสิ่งนี้ว่า Deposit  tokenization คือเขาอยากจะใช้สิ่งที่ Bitcoin ดีที่สุดอันนึงคือ Blockchain อยู่ข้างหลัง เราก็เอามาใส่กับของเราเอง

(กล่าวคือ เป็นการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อปรับโครงสร้างระบบเงินฝากให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)

สุดท้าย คือในฐานะที่เคยเป็นผู้กำกับดูแล ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกฎหมาย Digital Asset เร็วที่สุดคนนึงของโลก บทเรียนของหลายๆ ปีที่ผ่านมาก็คือ เข้มไว้ก่อนดีกว่า คืออยากจะบอกว่า พอสุดท้ายแล้วทำไมเมืองไทยมันไม่ค่อยมีปัญหาเยอะ เพราะว่าระบบการเงินมันอยู่บน ความเชื่อใจการทำ Regulation หรือการทำ Asset ต่างๆ การที่เข้มงวด การปกป้องทุกคน เราต้องปกป้องให้เนียน

ด้านทิพยสุดา กล่าวเสริมว่า บริการทางการเงินอยู่คู่กับมนุษย์มานับร้อยปี แรกเริ่มก็ไม่มี Regulator “แต่เมื่อระบบตลาดล้มเหลว (Market Fail) หน้าที่ของ Regulator คือการเข้ามาหยุดและสร้างสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ