เกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin ? อยู่ๆร่วงหลุดแสนเหรียญ เปิดปัจจัยฉุดราคาคริปโตฯร่วงทั่วกระดาน

เมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) Bitcoin ราคาทรุดกว่า 20% จากจุดสูงสุดในประวัติการณ์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงขายในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยปรับตัวหลุดระดับแสนเหรียญ ซึ่งลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 126,200 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม คิดเป็นการร่วงลงกว่า 21% ในรอบไม่ถึงหนึ่งเดือน

ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกเทขาย

เดือนตุลาคมซึ่งชุมชนคริปโตฯมักเรียกว่า “Uptober” เคยเป็นเดือนที่ Bitcoin ปรับตัวขึ้นตลอด 7 ปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้กลับกลายเป็นเดือนแรกที่สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกขาดทุน

แรงเทขายในวันอังคารที่ผ่านมาทำให้ Bitcoin ดิ่งลงกว่า 5% เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี หลังจากที่นักลงทุนกังวลกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Palantir Technologies รวมถึงคำเตือนจากผู้บริหารธนาคารชั้นนำในสหรัฐฯ เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ Bitcoin สะสมมาหลายสัปดาห์แล้ว โดยตลาดต้องเผชิญกับ “cocktail” ของปัจจัยลบ ทั้งความผันผวนจากการค้า การชำระบัญชีครั้งใหญ่ กลยุทธ์การถือคริปโตในงบดุลของบริษัท (crypto treasury) ที่เริ่มถูกตั้งคำถาม และความไม่แน่นอนต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed หลังการประชุมครั้งล่าสุด

Alex Kuptsikevich หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดจาก FXPro กล่าวว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนคริปโต (Crypto Fear & Greed Index) ลดลงแตะระดับ 21 จุด ซึ่งเป็นระดับ “Extreme Fear” หรือ เป็นความกลัวขั้นสุด ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน “แม้เดือนที่แล้วระดับนี้จะนำไปสู่การฟื้นตัว แต่ครั้งนี้ตลาดกลับอ่อนแรงลงต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันกำไรสะสมของ Bitcoin ตั้งแต่ต้นปีลดลงเหลือเพียง 8% ต่ำกว่าการปรับขึ้นของดัชนี S&P 500 ที่กว่า 15% สะท้อนว่าคริปโตเริ่มเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกครั้ง

สาเหตุหลักที่ฉุดราคา Bitcoin ลง

1. การชำระบัญชีครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ความผันผวนรอบใหม่ในตลาดอนุพันธ์คริปโตทำให้นักลงทุนต้องชำระบัญชีสถานะซื้อ (long position) มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงบางรายงานประเมินว่าจำนวนจริงอาจสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็น การชำระบัญชี Bitcoin ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์

Jonathan Man ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจาก Bitwise กล่าวในขณะนั้นว่า แทบไม่สำคัญเลยว่าข่าวอะไรจุดชนวน เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าตลาดคริปโตยังเปราะบางมาก

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนไม่ฟื้นตัวแม้ผ่านไปหลายสัปดาห์ โดย Farzam Ehsani ซีอีโอ VALR เสริมว่า  การเคลื่อนไหวเพียง 10% ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอาจจุดชนวนการชำระบัญชีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้ทันที 

 2. ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคกดดัน

Haonan Li ผู้ก่อตั้งบริษัทบล็อกเชน Codex ระบุว่า การเทขายในตลาดอนุพันธ์ช่วงต้นเดือนตุลาคม “เป็นตัวกำหนดโทนเสียงของตลาด” แต่ขณะนี้ปัจจัยด้านมหภาคได้เข้ามาคุมทิศทาง

สินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนรอบใหม่ ตั้งแต่มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่เริ่มสูงเกินจริง ไปจนถึงความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน

Marcus Sturdivant ผู้จัดการของ The ABC Squared ระบุว่า เมื่อตลาดหุ้นและ Bitcoin ร่วงพร้อมกัน นักลงทุนบางส่วนอาจขาย Bitcoin เพื่อปิดสถานะในตลาดหุ้น ซึ่งยิ่งซ้ำเติมแรงขายในคริปโต

นอกจาก Bitcoin แล้ว ในวันเดียวกันนั้น เหรียญอื่น ๆ อย่าง Ethereum, Solana และ BNB ก็ร่วงลงกว่า 10–15% ขณะที่มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวม (Total Market Cap) ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ณ ปัจจุบัน (5 พ.ย.) อยู่ที่ 3.37 ล้านล้านดอลลาร์ จากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า (6 ต.ค.) อยู่ที่ 4.22 ล้านล้านดอลลาร์ 

แนวโน้มปลายปี ความหวังยังริบหรี่

แม้นักวิเคราะห์บางรายยังคงมองบวก เช่น Tom Lee จาก Fundstrat และ Geoff Kendrick จาก HSBC ที่คาดว่า Bitcoin อาจแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ แต่เส้นทางดังกล่าวดูยากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแรงขายต่อเนื่อง

Guillermo Fernandes ผู้ก่อตั้งบริษัท Blockpliance กล่าวว่า ตอนนี้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจเพียงพอที่จะเข้าตลาดที่ระดับ 120,000 ดอลลาร์อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อความชัดเจนด้านนโยบายดอกเบี้ยและตัวเลขเศรษฐกิจยังคลุมเครือ

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ระดับ 90,000 ดอลลาร์อาจกลายเป็นแนวรับใหม่ ของตลาด หากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน

อ้างอิง  Coinmarketcap , Bloomberg , Business Insider (1) (2)