
รูปเหมือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สีทอง ขนาดสูงราว 3.6 เมตร ที่กำลังถือเหรียญบิตคอยน์อยู่ในมือ ถูกนำมาตั้งไว้หน้าอาคาร US Capitol หรืออาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ใกล้ ๆ กับทำเนียบขาว โดยรูปปั้นนี้เป็นหนึ่งในแคมเปญของ Pump.fun แพลตฟอร์มเหรียญมีม (Memecoin) ที่ต้องการจะยกย่องโดนัลด์ ทรัมป์ที่สนับสนุนคริปโตฯ เป็นอย่างดี
โดยเว็บไซต์เจ้าของรูปเหมือนนี้ได้ระบุไว้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการเชิดชูเกียรติแด่ “ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของทรัมป์ในการขับเคลื่อนอนาคตทางการเงินผ่านบิตคอยน์และเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ (Decentralized)”
การเปิดตัวรูปปั้นนี้ยังประจวบเหมาะกับช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปีนี้ลง 25-basis-point ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดคริปโตฯ
หนึ่งในผู้จัดงานกล่าวระหว่างการไลฟ์สตรีมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า รูปปั้นนั้นทำมาจากโฟมชนิดแข็งพิเศษ เพื่อให้มีน้ำหนักเบาและง่ายต่อการจัดการ
โพสต์บนบัญชี X ของกลุ่มผู้จัดงานเผยให้เห็นเครื่องจักรกำลังแกะสลักส่วนศีรษะของรูปปั้น และภาพคนหลายคนกำลังช่วยกันขนย้ายรูปปั้นเข้าที่
โดนัลด์ ทรัมป์ได้หันมาสนับสนุนคริปโตฯ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในปี 2024 จนนำมาสู่นโยบายและการออกกฎหมายต่าง ๆ ที่รองรับตลาดนี้มากขึ้นตอนที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี และครอบครัวของทรัมป์เองก็ยังได้รับอานิสงส์จากธุรกิจเก่าและใหม่ที่ทำอยู่ในตลาดคริปโตฯ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่า นี่เป็นประโยชน์ทับซ้อนที่ครอบครัวนี้ต้องการ
Hichem Zaghdoudi หนึ่งในผู้จัดแคมเปญ กล่าวกับสำนักข่าว ABC 7News DC ว่า “รูปปั้นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประกายการถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล และเป็นสัญลักษณ์ของจุดบรรจบกันระหว่างการเมืองสมัยใหม่และนวัตกรรมทางการเงิน”
“นี่คือการแสดงจุดยืนเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าหากไม่มีประธานาธิบดี เราคงไม่มีทางได้เห็นการยอมรับบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีในวงกว้างเช่นนี้ และไม่มีทางได้เห็นสถาบันใหญ่ ๆ เข้ามาซื้อบิตคอยน์ มันแสดงให้เห็นว่านั่นคืออนาคต และนี่คือคำขอบคุณและการแสดงจุดยืนของเราแด่ประธานาธิบดี” เขากล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มที่คอยโต้แย้งว่า บิตคอยน์ได้เข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน เนื่องจากกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับการเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF จนผลักดันให้ราคาคริปโตฯ สูงขึ้น และเป็นเหตุให้นักลงทุนสถาบันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ที่มา: CNBC TV, CoinTelegraph, DJTGST
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney