
ผู้บริหารของ Tether Holdings SA บริษัทแม่ เจ้าของเหรียญ Stablecoin ที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอย่าง USDT ออกมาประกาศชัดเจนว่า Tether พร้อมที่จะกลับมาทำตลาดในสหรัฐอเมริกาอีกครั้งอย่างเต็มตัว โดยมีเป้าหมายหลักคือการเป็นผู้นำด้านการออกเหรียญ Stablecoin ในสหรัฐอเมริกาให้ได้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Tether ได้เปิดแผนที่จะออกเหรียญ Stablecoin เหรียญใหม่ ชื่อ “USAT” ถูกออกแบบมาเพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วทันทีและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานในตลาดสหรัฐฯ
แผนนี้เปิดเผยโดย Bo Hines ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ของ Tether และเพิ่งลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านคริปโตฯ ในทำเนียบขาว โดย Bo Hines ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “เราต้องการเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐฯ เราเป็นเบอร์หนึ่งในต่างประเทศอยู่แล้ว และเราก็อยากจะทำให้ได้แบบเดียวกันที่นี่”
Bo Hines อธิบายต่อว่า “เหรียญนี้จะช่วยผู้บริโภคที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร หรือผู้ที่ไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมแพง ๆ เวลาโอนเงินให้เพื่อนหรือครอบครัว” นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะร่วมมือกับลูกค้าระดับองค์กร เช่น ธนาคารต่าง ๆ ด้วย
ซึ่ง Bo Hines เองก็ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในแผนการออกเหรียญ USAT ผ่านความร่วมมือกับบริษัทการเงิน Cantor Fitzgerald LP และธนาคารคริปโตฯ Anchorage Digital Bank NA ซึ่งแผนนี้เกิดในช่วงเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ผลักดันนโยบายที่หนุนตลาดคริปโตฯ หลายฉบับ รวมถึงกฎหมาย “Genius Act” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการวางกรอบกำกับดูแลสำหรับบริษัทที่ออกเหรียญ Stablecoin โดยเฉพาะ
ปัจจุบัน เหรียญหลักของ Tether คือ “USDT” เป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอุปทานในตลาดสูงถึง 171,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่จะมีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ค้ำประกันอยู่ แต่ที่ผ่านมา Tether ต้องห่างหายจากตลาดสหรัฐฯ ไปนานหลายปี เนื่องจากถูกปรับเงินกว่า 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีที่ถูกกล่าวหาว่ามีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงินทุนสำรองของบริษัทไม่ตรงกับความเป็นจริง
Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ได้กล่าวเสริมว่า ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Tether คือ บริษัทมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายเหนียวแน่นที่สร้างขึ้นมาเองตลอด 11 ปี แตกต่างจาก Circle คู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ ผู้ออกเหรียญ USDC ที่ต้องขยายธุรกิจโดยอาศัยข้อตกลงแบ่งรายได้กับพาร์ทเนอร์อย่าง Coinbase
“เราไม่ต้องไปพึ่งช่องทางจากใครเหมือนคู่แข่ง เพราะเราเป็นเจ้าของช่องทางเหล่านั้นเอง” Paolo Ardoino กล่าว
นอกจากนี้ Paolo Ardoino ยังบอกอีกว่า ในขณะที่ Circle ตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Tether ยังไม่มีแผนที่จะทำแบบเดียวกัน เพราะบริษัทสามารถทำกำไรมหาศาลถึง 13,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว และไม่ได้มีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มแต่อย่างใด
“ผมไม่อยากใช้เวลาทุก ๆ 3 เดือนของชีวิตไปกับการอธิบายให้นักวิเคราะห์ฟังว่า ทำไมเราถึงไม่พยายามทำกำไรเพิ่มอีกนิดหน่อย” Paolo Ardoino กล่าว
สุดท้ายซีอีโอของ Tether ยังเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการลงทุน 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Rumble Inc. อีกแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังในสหรัฐฯ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney