เปิด 3 ปัจจัย ทำไม Bitcoin พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ ?

Bitcoin พุ่งทำสถิติใหม่ ล่าสุด เมื่อวานนี้ (14  ก.ค.) ได้ปรับตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวทะลุ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก  แซงหน้าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google (Alphabet) และ Meta (Facebook) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

เปิด 3 ปัจจัยที่ทำให้ Bitcoin พุ่งแรง

1. รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสนับสนุนคริปโตฯ  เต็มสูบ 

สัปดาห์นี้เป็น "สัปดาห์คริปโต" ที่วอชิงตัน ดี.ซี. สมาชิกสภาจะอภิปรายกฎหมายสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับคริปโต 3 ฉบับ ได้แก่ 

• กฎหมาย GENIUS Act - กำหนดกฎเกณฑ์การออกเหรียญคงค่า (stablecoin) ให้ชัดเจน
• กฎหมาย CLARITY Act - แบ่งประเภทคริปโตว่าเป็นสินค้า หลักทรัพย์ หรือเงินตรา
• กฎหมาย Anti-CBDC - ห้ามธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกเงินดิจิทัลของรัฐ

โดยนักวิเคราะห์ มองว่า  กฎหมายเหล่านี้จะช่วยลดความไม่แน่นอน ทำให้สถาบันการเงินใหญ่ๆ กล้าลงทุนคริปโตฯมากขึ้น Eric Demuth ซีอีโอของ Bitpanda สรุปว่า "อุปสรรคหมดไปแล้ว สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นกลางอีกต่อไป แต่สนับสนุนคริปโตเต็มตัว"

2. เงินทุนใหญ่แห่ซื้อ Bitcoin

ข้อมูลจาก CoinShares ชี้ให้เห็นว่า มีเงินไหลเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นจำนวนมากเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์

กองทุน ETF Bitcoin มีเงินไหลเข้า 1.22 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

บริษัทต่างๆ ก็เริ่มสะสม Bitcoin ในคลังต่อเนื่อง เช่น  Metaplanet (ญี่ปุ่น) ซื้อเพิ่ม 797 เหรียญ มูลค่า 94 ล้านดอลลาร์ MicroStrategy ซื้อเพิ่มกว่า 4,200 เหรียญ มูลค่า 472 ล้านดอลลาร์

3. สงครามการค้าทำให้ นักลงทุนหนีไป Bitcoin 

ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรใหม่ 30% กับสหภาพยุโรปและเม็กซิโก ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปั่นป่วน ทำให้นักลงทุนเลยหันไปซื้อ Bitcoin แทน เนื่องจาก สินทรัพย์ดังกล่าวไม่ขึ้นอยู่กับประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากผลประกอบการบริษัท และสามารถเป็นที่หลบภัยจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ Prem Raja นักวิเคราะห์ กล่าวว่า "ดอลลาร์อ่อนตัว ทำให้เงินทุนหลั่งไหลเข้าหุ้นเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัล"

อ้างอิง companiesmarketcap , business insider