
J.P. Morgan ประเมิน ภายใน 3 ปีหรือภายในปี 2028 มูลค่าตลาด Stablecoin จะโตไม่ถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น พร้อมระบุว่า การคาดการณ์ระดับ “ล้านล้านดอลลาร์” (Trillion) นั้นเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป เนื่องจากยังไม่เห็นหลักฐานชัดเจนของการใช้งาน Stablecoin อย่างแพร่หลายนอกวงการคริปโตเคอเรนซี่
ท่ามกลางกระแสความหวังว่า Stablecoin จะเป็นสะพานเชื่อมโลกคริปโตกับระบบการเงินกระแสหลัก สถาบันการเงิน ฟินเทค รวมถึงผู้กำหนดนโยบายต่างคาดหวังว่าเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินดอลลาร์ เช่น USDC หรือ USDT จะกลายเป็นเครื่องมือชำระเงินแห่งอนาคต ไม่ใช่แค่เพื่อการเก็งกำไร แต่เพื่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการคาดการณ์เกี่ยวกับศักยภาพของ Stablecoin พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังการเคลื่อนไหวของภาครัฐสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณสนับสนุนกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น การผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ของวุฒิสภาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อาทิ Standard Chartered ที่เคยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด Stablecoin ว่าจะสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2028 ขณะที่ Bernstein ประเมินว่า อุปทานของ Stablecoin จะเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 10 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม J.P. Morgan กลับมองตรงกันข้ามและเตือนว่าความคาดหวังดังกล่าวอาจเป็น "ภาพฝันที่เกินจริง" พร้อมระบุว่า การใช้งาน Stablecoin ในระบบการชำระเงินจริงยังอยู่ในระดับจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงคริปโตฯ เป็นหลัก ทั้งในรูปแบบการซื้อขาย DeFi และการเป็นหลักประกัน มากกว่าจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ถูกใช้โดยผู้บริโภคทั่วไป
โดย J.P. Morgan ระบุว่า ปัจจุบันการใช้งาน Stablecoin เพื่อการชำระเงินยังมีสัดส่วนเพียง 6% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตลาด Stablecoin ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งใกล้เคียงกับที่ Citibank คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากยังมีข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง ตัวเลขอาจอยู่ที่ราว 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม 2025 ปีของ Blockchain จากการใช้ Stablecoin ทำธุรกรรมข้ามพรมแดน คาดดันมูลค่าตลาดแตะ 1.6 ล้านล้าน
ทั้งนี้สาเหตุที่ตลาด Stablecoin ยังไม่สามารถขยายตัวได้จริง มาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่ข้อจำกัดด้านการใช้งาน กฎระเบียบที่ยังแตกต่างกันในแต่ละประเทศ และการแข่งขันจากระบบการชำระเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้ใช้งานได้ดีกว่าอยู่แล้ว เช่น หยวนดิจิทัล (e-CNY) ของจีนที่มีการผลักดันให้ใช้งานได้ในระดับนานาชาติมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มอย่าง Alipay ของ Ant Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Alibaba ที่มีแผนจะยื่นขอใบอนุญาตออก Stablecoin ในฮ่องกงผ่านบริษัทลูกในต่างประเทศ Ant International
"แนวคิดที่ว่า Stablecoin จะมาแทนที่เงินแบบดั้งเดิมในชีวิตประจำวันนั้น ยังห่างไกลจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ e-CNY หรือความสำเร็จของ Alipay และ WeChat Pay ก็ไม่อาจใช้เป็นต้นแบบสำหรับการเติบโตของ Stablecoin ในอนาคตได้" J.P. Morgan กล่าว
อ่านเพิ่มเติม
อ้างอิงข้อมูล Reuters
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -