2025 ปีของ Blockchain จากการใช้ Stablecoin ทำธุรกรรมข้ามพรมแดน คาดดันมูลค่าตลาดแตะ 1.6 ล้านล้าน

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

2025 ปีของ Blockchain จากการใช้ Stablecoin ทำธุรกรรมข้ามพรมแดน คาดดันมูลค่าตลาดแตะ 1.6 ล้านล้าน

Date Time: 1 พ.ค. 2568 14:30 น.

Video

Kardashian-Jenner พลิกดราม่าสู่จักรวาลธุรกิจแสนล้าน | BrandStory

Summary

  • Citibank ออกรายงานล่าสุดคาดการณ์ว่า ปี 2025 อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการยอมรับและใช้งานเทคโนโลยี Blockchain ในวงกว้าง โดยมี “Stablecoin” ฟันเฟืองธุรกรรมข้ามชาติ ที่จะเป็นตัวเร่งการใช้งานจริงที่อาจมีอิทธิพลเทียบเท่ากับ AI อย่างโมเมนต์ ChatGPT ของ OpenAI ที่สร้างแรงกระเพื่อมไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน

Latest


ซิตี้แบงก์ (Citibank) ออกรายงานล่าสุดคาดการณ์ว่า ปี 2025 อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการยอมรับและใช้งานเทคโนโลยี Blockchain ในวงกว้าง โดยมี “Stablecoin” ฟันเฟืองธุรกรรมข้ามชาติ ที่จะเป็นตัวเร่งการใช้งานจริงที่อาจมีอิทธิพลเทียบเท่ากับ AI อย่างโมเมนต์ ChatGPT ของ OpenAI ที่สร้างแรงกระเพื่อมไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังทำให้คนทั่วโลกรู้จักและได้ใช้งาน AI ผ่านแอปพลิเคชันของตน

หัวใจสำคัญของการคาดการณ์ครั้งนี้คือ Stablecoin ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้นำตลาดในปัจจุบันคือ USDT ของ Tether ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ USDC ของ Circle ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเริ่มถูกนำมาใช้จริงในการชำระเงินและโอนเงินข้ามประเทศ

ซิตี้แบงก์มองว่า มูลค่าตลาดของ Stablecoin อาจขยายตัวจากระดับ 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ไปเป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 หากได้รับแรงหนุนจากการกำกับดูแลและการยอมรับจากสถาบันการเงินอย่างเป็นระบบและหากสถานการณ์เอื้ออำนวยเต็มที่ ตัวเลขอาจพุ่งถึง 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากยังมีข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง ตัวเลขอาจอยู่ที่ราว 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ผู้ให้บริการ Stablecoin จ่อกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ

หนึ่งในปัจจัยเร่งที่สำคัญคือ ท่าทีเชิงบวกของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เริ่มวางกรอบนโยบายชัดเจน โดยล่าสุดมีคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้หน่วยงานกลางจัดทำกรอบกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยปลดล็อกการใช้งาน Stablecoin ให้เข้าถึงระบบการเงินได้ลึกขึ้น ทั้งในแง่ความเร็วในการชำระเงิน ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการชำระบัญชีสินทรัพย์ โดยรายงานระบุว่า Stablecoin อาจกลายเป็นตัวกลางเงินดิจิทัลที่ทำให้ Blockchain ถูกใช้งานในวงกว้าง ทั้งในภาคการเงินและนอกเหนือจากนั้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ การคาดการณ์ว่า Stablecoin จะยังคงผูกกับดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก โดย 90% ของ Stablecoin ทั้งหมดในปี 2030 จะยังคงตรึงกับ USD ซึ่งหมายถึง ดอลลาร์สหรัฐจะยังคงมีบทบาทนำในเศรษฐกิจดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม เมื่อ Stablecoin จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้วยสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ผู้ออกเหรียญอาจกลายเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรายใหญ่ โดยซิตี้แบงก์ประเมินว่า ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ผู้ออกเหรียญ Stablecoin อาจถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนั่นจะเป็นตัวเลขที่มากกว่าประเทศรายใหญ่ที่ถือครองอยู่ในปัจจุบัน และในขณะเดียวกันที่แรงกดดันอาจมาจากธนาคารกลางในยุโรปและธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเร่งพัฒนา CBDC หรือสกุลเงินดิจิทัลของตนเองเพื่อแข่งขันในสนามเดียวกันอีกด้วย

ทั้งนี้แม้ว่า Stablecoin จะแนวโน้มที่ดูสดใส แต่ซิตี้แบงก์ได้เตือนถึงความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะกรณี Stablecoin ที่สูญเสียการตรึงมูลค่า (De-peg) ไปเมื่อปี 2023 หลังการล่มสลายของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสภาพคล่องในตลาดคริปโตฯ จนมีการถอน USDC จำนวนมากออก ซึ่งตอนนั้นเกิดขึ้นมากถึง 1,900 ครั้ง และข้อมูลจาก Moody’s ยังพบอีกว่า เหรียญขนาดใหญ่ที่สูญเสียการตรึงมูลค่าไปกว่า 600 ครั้ง

โดยเฉพาะในปีนี้ที่ความผันผวนของระบบการเงินโลก จากสงคราม การเมือง และความไม่แน่นอนระหว่างประเทศ เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, สงครามในยูเครน, และความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ ล้วนส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก และสร้างความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความผันผวนสูง นักลงทุนมักจะเทขายคริปโตและ Stablecoin แล้วกลับไปถือเงินสดหรือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตร อีกทั้งประเทศมหาอำนาจบางแห่งอาจเร่งออก CBDC ของตัวเองเพื่อแย่งพื้นที่กับ Stablecoin ดอลลาร์ ซึ่งจะสร้างการแข่งขันและความไม่แน่นอนเพิ่มเติม

ที่มา: CitiCoindesk

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ