ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้เผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะ Bitcoin (BTC) ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาลดจนแตะระดับประมาณ 88,500 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เกิดอะไรขึ้นกับราคา Bitcoin ในช่วงนี้กันแน่ ?
1. นโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์
การประกาศเกี่ยวกับภาษีนำเข้าใหม่จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นหนึ่งในตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงของราคา Bitcoin ในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ทรัมป์ประกาศว่าแผนภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโกจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ยังมีการเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้าจีนอีกด้วย
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กำหนดภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมด้วยอากรเพิ่มเติม 10% สำหรับพลังงานจากแคนาดา มาตรการเหล่านี้ทำให้เกิดความกลัวเงินเฟ้อ จึงส่งผลให้นักลงทุนถอยห่างจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin
2. ความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นทั่วโลกที่กำลังปรับตัวลง
เมื่อดูให้ดีจะพบว่า Bitcoin กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.3% และดัชนี Nasdaq Composite ลดลงถึง 4% เมื่อตลาดหุ้นลง สินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภทรวมถึง Bitcoin ก็มักจะลงตามไปด้วย
ปัจจุบันนักลงทุนกำลังกังวลเกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลทรัมป์ที่พยายามควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิปไปยังจีน โดยเฉพาะชิปของ Nvidia และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ต่างๆ นอกจากนี้ แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ก็ยิ่งทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin น่ากังวลมากขึ้น
3. นักลงทุนรายใหญ่แห่ถอนเงินจาก Bitcoin ETF จำนวนมาก
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคา Bitcoin ลดลงคือ กองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin กำลังสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก พูดง่ายๆ คือ นักลงทุนกำลังแห่ถอนเงินออกจากกองทุนเหล่านี้ โดยมีตัวเลขที่น่าตกใจ คือ นับตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 มีเงินไหลออกจากกองทุนเหล่านี้แล้วกว่า 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีเงินไหลออกมากถึง 552.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์เป็นวันที่แย่ที่สุด มีเงินไหลออกในวันเดียวถึง 516.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นพอดีกับวันที่ทรัมป์ประกาศเรื่องภาษีนำเข้าใหม่
เมื่อนักลงทุนใหญ่ถอนเงินออกจากกองทุน ETF เหล่านี้ ผู้จัดการกองทุนจะต้องขาย Bitcoin จริงๆ ออกไปเพื่อจ่ายเงินคืนให้นักลงทุน การขายจำนวนมากในเวลาใกล้เคียงกันนี้จึงกดดันให้ราคา Bitcoin ลดลงไปอีก
4. นักเทรดจำนวนมากถูกล้างพอร์ตอย่างหนัก
ต้องบอกว่าการชำระบัญชี ( Liquidate) เรียกง่ายๆว่า ถูกล้างพอร์ต ในตลาดคริปโตเป็นคลื่นใหญ่ได้ทำให้การลดลงของราคา Bitcoin แย่ลง กล่าวคือ นักเทรดหลายคนใช้เงินกู้มาซื้อ Bitcoin โดยคาดว่าราคาจะขึ้น เมื่อราคาลดลงจนถึงจุดหนึ่ง ระบบจะบังคับขาย Bitcoin ของพวกเขาโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การขายบังคับนี้ทำให้มีคนขาย Bitcoin พร้อมกันจำนวนมาก ยิ่งกดราคาให้ลดลงไปอีก
ข้อมูลจาก CoinGlass แสดงว่าสัญญาฟิวเจอร์สของบิทคอยน์มีการชำระบัญชีมูลค่าถึง 516.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 จากจำนวนนั้น ประมาณ 496.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นสถานะ Long (ซื้อ) ในขณะที่การชำระบัญชีในสถานะ Short (ขาย) ยังคงต่ำที่ 20.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เหตุการณ์ล้างพอร์ตครั้งนี้เป็นหนึ่งในครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือน และส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ไปยังตลาดคริปโตทั้งหมด ทำให้เกิดการล้างพอร์ตรวมเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
5. ราคา Bitcoin วิ่งซึมมานานเกินไป ขาดแรงซื้อใหม่
นักวิเคราะห์ของ Bitfinex ได้อธิบายว่า Bitcoin อยู่ในจุดวิกฤติหลังจากการซื้อขายในช่วงเกือบ 90 วันระหว่าง 91,000 และ 102,000 ดอลลาร์สหรัฐ การรวมตัวที่ยาวนานนี้สะท้อนถึงการขาดโมเมนตัมที่จำเป็นสำหรับการทะลุแนวต้านอย่างยั่งยืน
การวิ่งแบบไร้ทิศทางทำให้นักลงทุนใหม่ไม่กล้าเข้ามาซื้อ และแนวรับสำคัญอยู่ที่ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตอนนี้ราคาทะลุลงมาแล้ว ดังนั้นเมื่อไม่มีผู้ซื้อรายใหม่ ตลาดจึงง่ายต่อการถูกกดดันจากข่าวร้ายภายนอก
"โมเมนตัมที่จำเป็นสำหรับการทะลุแนวต้านอย่างยั่งยืนขาดหายไป และสิ่งนี้นำไปสู่ช่วงของการหดตัวและการรวมตัวในสินทรัพย์คริปโตหลักเกือบทั้งหมด"
ดังนั้นเมื่อตลาดเจอแรงกดดันจากภายนอก เช่น ข่าวภาษีนำเข้าและความกังวลทางเศรษฐกิจ ราคาจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าดูจากกราฟราคาในช่วงนี้ หากมองในเชิงเทคนิค Bitcoin กำลังทดสอบแนวรับสำคัญซึ่งอยู่ระหว่าง ที่ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสิ่งที่น่ากังวลคือ การลดลงของราคา Bitcoin ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการกลับตัวแบบ double-top ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดคล้ายๆ กันสองครั้ง แล้วไม่สามารถขึ้นไปได้อีก และรูปแบบนี้สิ้นสุดเมื่อราคาทะลุลงต่ำกว่าแนวรับ neckline ร่วมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น กล่าวคือ หากราคาทะลุแนวรับ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐลงไป อาจลงไปถึง 77,500 ดอลลาร์หรัฐ ลดลง 13% จากระดับราคาปัจจุบัน ภายในเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ อาร์เธอร์ เฮย์ส อดีตซีอีโอของ BitMEX ยังได้เตือนเกี่ยวกับ "goblin town" หรือภาวะตลาดซบเซาอย่างหนัก ที่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับ Bitcoin โดยคาดการณ์ว่าราคาอาจลดลงถึง 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง Tradingview ,Coinglass , X , Cointelegraph , Finance magnates