Bitcoin ETF ทั้ง 12 กองทุนมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) รวมกันทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในการเปิดตัวกองทุน ETF ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยกองทุนเหล่านี้ถือครอง Bitcoin รวมกันมากกว่า 1.1 ล้านเหรียญ คิดเป็นประมาณ 5% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ
ปัจจุบัน กองทุน ETF เหล่านี้มีการถือครอง Bitcoin มากกว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งเป็นผู้สร้าง Bitcoin ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ถือ Bitcoin อยู่ราว 1.1 ล้านเหรียญ
โดยข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่าผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1. กองทุน ETF สหรัฐฯ: 1,104,534 เหรียญ
2. Satoshi Nakamoto : 1,100,000 เหรียญ
3. Binance : 633,000 เหรียญ
4. MicroStrategy : 402,100 เหรียญ
5. รัฐบาลสหรัฐฯ: 198,109 เหรียญ
6. รัฐบาลจีน: 194,000 เหรียญ
7. Bitfinex : 184,027 เหรียญ
8. Kraken : 158,959 เหรียญ
9. Block One : 164,000 เหรียญ
10. Robinhood: 142,361 เหรียญ
ไบรอัน ฮาร์ติแกน หัวหน้าฝ่าย ETF ระดับโลกของ Invesco กล่าวว่า "ETF Bitcoin กลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับผู้ถือครอง Bitcoin" โดยปัจจุบัน ETF ในสหรัฐฯ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ และด้วยมูลค่าสินทรัพย์ของ ETF Bitcoin ที่สูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของมูลค่าสินทรัพย์ ETF ทั้งหมด
การที่ Bitcoin มีสัดส่วน 1% นี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากผู้สนับสนุน Bitcoin มักแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุน 1% ให้กับ Bitcoin โดยให้เหตุผลว่าหาก Bitcoin ล้มเหลว การสูญเสีย 1% ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ด้วยความจำกัดของจำนวนเหรียญ ทำให้มีโอกาสที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว
เนต เจราซี ประธานบริษัท The ETF Store อธิบายว่า ความสำเร็จของ Bitcoin ETF มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่
ประการแรก ความต้องการที่มีมานาน โดยเขาอธิบายว่า "ทุกอย่างลงตัวพอดีสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพราะมีความต้องการที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่การยื่นจดทะเบียนBitcoin ETF ครั้งแรกในปี 2013"
ประการที่สอง ภาวะตลาดขาขึ้น ต้องบอกว่า Bitcoin ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก โดยราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ในปีนี้ ซึ่งช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในปี 2025 อุตสาหกรรมนี้ยังคาดหวังกระแสเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน 2 ประการ ได้แก่ สถาบันการเงินผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนและอนุญาตให้ลูกค้าถือครองและซื้อขาย Bitcoin ได้ และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น โดยเฉพาะจากการที่พอล แอตคินส์ อดีตกรรมาธิการ SEC จากพรรครีพับลิกัน มีแนวโน้มจะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธาน SEC คนใหม่ ซึ่งเขามีท่าทีสนับสนุนการสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบให้กับตลาดคริปโตฯ
ในขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของ Bitcoin ETF พุ่งทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ เนต เจราซี ประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Bitcoin ETF จะก้าวขึ้นแซงหน้า ETF ทองคำในปีหน้า
" กลุ่ม ETF ทองคำที่มีการถือครองทองคำจริง ซึ่งดำเนินการมานานกว่า 20 ปี มีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 125,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ Bitcoin ETF ที่เพิ่งเปิดตัวและมีมูลค่าแตะ 100,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่จะคิดว่า Bitcoin ETF จะสามารถแซงหน้า ETF ทองคำได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากเมื่อพิจารณาถึงความต้องการในตลาดที่มีอยู่อย่างล้นหลาม" เนต เจราซี กล่าว
อ้างอิง CNBC