
นักวิเคราะห์ ประสานเสียง ราคา Bitcoin ทะลุ 2 หมื่นดอลลาร์ คือกับดัก ชี้เศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัว แถมดอกเบี้ยนโยบายของโลกอาจกลับทิศในระยะสั้น ชี้ขาขึ้นที่แท้จริงต้องรอถึงปี 2567
ถึงแม้สภาพตลาดคริปโตฯ ในปี 2565 จะเกิดวิกฤติการล่มสลายของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Terra, Celsius และ FTX ทำให้ตลาดได้รับความเสียหายจนมูลค่าของตลาดคริปโตฯ ในภาพรวมปรับตัวทำจุดต่ำสุดในช่วงหลายปี
แต่ต้นปี 2566 เริ่มเห็นความสดใสมากขึ้น เมื่อแนวโน้มราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลหลัก อย่าง Bitcoin ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางของราคามาอยู่ยืนเหนือ 21,000 ดอลลาร์ต่อ BTC จากต้นปีที่ 16,496 ดอลลาร์ ต่อ BTC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.6% ถือเป็นสัญญาณที่ช่วยสร้างความหวังให้ตลาดคริปโตฯ ว่าอาจฟื้นเร็วกว่าที่คิด
ในมุมมองของธนาคารระดับโลก โดย Eric Robertsen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ Standard Chartered คาดการณ์ว่ามูลค่าของ Bitcoin ในปี 2566 จะร่วงจากระดับปัจจุบันลงกว่า 70% เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ต่อ BTC เท่านั้น เป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค
โดยปัจจัยสำคัญที่ BTC ยังมีแนวโน้มลดลงนั้น มาจากธนาคารกลางของแต่ละประเทศอาจพากันลดดอกเบี้ยซึ่งตรงข้ามกับนโยบายการเพิ่มดอกเบี้ยเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งเราอาจจะได้เห็นการล้มละลายของบริษัท cryptocurrency เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมันในตลาดคริปโตฯ และหันไปลงทุนกับทองคำเพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์แทน
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ Meltem Demirors หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์บริษัทลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเจ้าใหญ่ในยุโรปอย่าง CoinShares ที่คาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดคริปโตฯ จะยังไม่ถึงจุดขาขึ้นอย่างแท้จริง แต่เป็นการดีดราคาเพื่อรีเซตตลาดก่อนช่วงขาขึ้นจริงในช่วงต้นปี 2567 โดยจะดีดราคาอยู่ที่จุดต่ำสุดระหว่าง 15,000-20,000 ดอลลาร์ต่อ BTC และจุดสูงสุดระหว่าง 25,000-30,000 ดอลลาร์ต่อ BTC
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจมหภาคยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวโน้มราคาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ทำให้การคาดการณ์มูลค่า เป็นเรื่องยากเนื่องจากการล่มสลายของ FTX ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและ Bitcoin ลดลง และไม่สามารถประเมินมูลค่าพื้นฐานได้ประกอบกับความตื่นตระหนกของนักลงทุนในตลาด