6 แบงก์ใหญ่แข่งสินเชื่อสีเขียวเฉียด 5 แสนล้าน เดินเกม Green Finance หนุนธุรกิจยั่งยืน

Sustainability

Green Finance

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

6 แบงก์ใหญ่แข่งสินเชื่อสีเขียวเฉียด 5 แสนล้าน เดินเกม Green Finance หนุนธุรกิจยั่งยืน

Date Time: 24 ก.ย. 2568 12:35 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

เทรนด์การเงินสีเขียวมาแรง ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือ “ทางรอด” ของทุกภาคส่วน ธนาคารพาณิชย์เร่งชิงเปิดโปรดักต์ยั่งยืน หวังซื้อใจผู้บริโภค ขณะที่ SMEs ยืนหนึ่งเป้าหมายหลัก

Latest


การเงินสีเขียว (Green Finance) เป็นกลไกทางการเงินทำหน้าที่ระดมทุน และจัดสรรทรัพยากรไปสู่การลงทุนในโครงการ หรือกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีพื้นฐานการบูรณาการ 3 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

จุดเริ่มต้นของประเทศไทยกับการขับเคลื่อนการเงินสีเขียว

นับตั้งแต่ปี 2561 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดงาน Bangkok Sustainable Banking Forum 2018 เพื่อวัตถุประสงค์สร้างความตระหนักรู้แก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินในเรื่องการขับเคลื่อนด้าน ESG

และได้สานต่อในเชิงปฏิบัติด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยแนวทางการดำเนินกิจการธนาคารอย่างยั่งยืนในด้านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Sustainable Banking Guidelines - Responsible Lending) ระหว่าง ธปท. และธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

ต่อมาในปี 2566 ธปท.ได้มีการวางรากฐานโดยการกำหนดมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) ซึ่งเป็นเครื่องมือจำแนกประเภทกิจกรรมตามการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

เพื่อเป็นแนวทางให้แก่นักลงทุน หรือบริษัทในการจัดสรรเงินทุนไปยังโครงการและกิจกรรมที่สนับสนุนความยั่งยืน มีกรอบที่ชัดเจน รวมถึงสร้างมาตรฐานการรายงานและเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

ด้วยเป้าหมายต้องการขับเคลื่อนภาคการเงินของไทยให้สอดรับกับหมุดหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสากล จนนำมาสู่การเงินสีเขียวในปัจจุบัน

บทบาทของภาคเอกชน 

ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน คือผู้มีบทบาทสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวอย่างยั่งยืน ผ่านการปฏิบัติภายใต้กรอบทิศทางของธปท.

“สินเชื่อนำร่องลดฝุ่น PM2.5 ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย” เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่เกษตรกรและโรงงานตัดอ้อย เพื่อลดปัญหาการเผาอ้อยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยเกิดจากความร่วมมือของทั้งธปท. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนประเด็นความยั่งยืน ในกรอบระยะเวลาตั้งแต่ปี 2566 - 2573 ดังนี้ 


ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Bualuang Green Financing for Transition to Environmental Sustainability)

เริ่มดำเนินการในปี 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ต้องการเงินทุนสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมใน 3 ด้าน คือ 

1) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

2) เพื่อปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  

3) เพื่อลดการสร้างมลพิษ 

โดยโครงการนี้สามารถรองรับทั้งกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงผู้ประกอบการประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีสถานประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทย โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569 

นอกเหนือจากสินเชื่อดังกล่าว ธนาคารกรุงเทพมีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนต่าง ๆ อาทิ  สินเชื่อบ้านบัวหลวงกรีน (Bualuang Green Home Loan) สำหรับบุคคลที่ซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา รวมถึงกองทุนเพื่อความยั่งยืนต่าง ๆ


ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารกรุงไทยได้มีการดำเนินการตาม Green Financing Framework มุ่งเน้นการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การออกเงินฝากสีเขียว (Green Deposit) การระดมผ่านหุ้นกู้ (Green Bond) และนำไปสู่การปล่อยสินเชื่อ (Green Loan) เช่น สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG)

โดยมุ่งเน้นสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม หรือความรับผิดชอบด้านสังคม (Social) ตามแนวทางที่ธนาคารกำหนด


ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

การอยู่ภายใต้ MUFG ส่งผลให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้เกิดการตระหนักรู้เรื่อง ESG และนำแบบแผนจากบริษัทแม่มาปรับใช้ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านความยั่งยืน เช่น Sustainability-Linked Loan (SLL) หรือ สินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืน ที่มีฐานกลุ่มลูกค้ารายใหญ่(Corporate)

ด้านกลุ่มลูกค้ารายย่อย หรือกลุ่มธุรกิจ SMEs มีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสนับสนุน คือ สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนสำหรับ SMEs โดยมีตัวอย่างโครงการที่สนับสนุน เช่น การสร้างระบบจัดการของเสีย หรือการลงทุนเพื่อพลังงานสะอาด

โดยในช่วงกลางปี 2568 กรุงศรี ประกาศว่า พอร์ตสินเชื่อการเงินที่เป็น SSF (Social and Sustainability Finance) มีเป้าหมายขยายเป็น 250,000 ล้านบาท ภายในปี 2573



ธนาคารเกียรตินาคินภัทร


ธนาคารเกียรตินาคินภัทรมีฐานลูกค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นสัดส่วนใหญ่ และเล็งเห็นว่าการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มีการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การดำเนินงานเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ธนาคารเกียรตินาคินภัทรออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เช่น บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ดำเนินการจนถึงสิ้นปี 2569

และเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2568 ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ร่วมมือกับ SCG ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) วงเงิน 370 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ยั่งยืน 



ธนาคารไทยพาณิชย์


ธนาคารไทยพาณิชย์มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนทั้งกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ และกลุ่มธุรกิจ SMEs ด้วยเงื่อนไขตามลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันไป 

อาทิ เงินฝากเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Deposit) เป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2567 คือ บัญชีเงินฝากประจำสำหรับลูกค้าธุรกิจ  มีวัตถุประสงค์นำไปใช้เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ลงทุนเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น โรงพยาบาลพระรามเก้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่เข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของโรงพยาบาล

ทั้งนี้  ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งเป้าหมายสินเชื่อและการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ไว้ที่ 150,000 ล้านบาท (ในช่วงปี 2566-2568) อย่างไรก็ตาม ภายในมิถุนายนปีนี้ ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อโครงการนี้รวม 180,000 ล้านบาท 


ธนาคารยูโอบี


ธนาคารยูโอบีมีการจัดสรรโซลูชั่นทางการเงินที่ยั่งยืนในด้านระบบนิเวศ 3 ระบบ เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น U-Solar และ U-Energy ที่สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในอาคารและบ้าน รวมทั้งมี SAGE Programme เป็นโปรแกรมให้คำปรึกษาและเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs เพื่อความสามารถในการเปลี่ยนผ่านสู่ ESG


แบงก์นำ-SMEs-ผู้บริโภค หัวใจการเปลี่ยนแปลง


ในบริบทการขับเคลื่อนเรื่องการเงินสีเขียวที่กล่าวไปข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อมที่สังคมร่วมกันขับเคลื่อน

โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้ให้ความสำคัญคือ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ อีกทั้งยังเข้าถึงผู้บริโภคทั่วไป ดังนั้น หากผู้ประกอบการ SMEs หรือรวมไปถึงประชาชน ตระหนักรู้เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมขับเคลื่อน ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยมีสถาบันการเงิน หรือ แบงก์ที่เป็นแหล่งเงินทุน เป็นฝ่ายสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อโลกใบนี้ 




ติดตามข่าวสารด้าน Sustainability ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/sustainability    

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney  


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ