ปตท.- BDMS-Grab-สมาคมท่องเที่ยวฯ ขับเคลื่อน ESG อย่างไร? เมื่อธุรกิจ สิ่งแวดล้อม AI ต้องไปพร้อมกัน

Sustainability

ESG Strategy

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ปตท.- BDMS-Grab-สมาคมท่องเที่ยวฯ ขับเคลื่อน ESG อย่างไร? เมื่อธุรกิจ สิ่งแวดล้อม AI ต้องไปพร้อมกัน

Date Time: 11 พ.ย. 2568 16:55 น.

Video

เช็กให้ชัวร์ คุณอาจกำลัง "พลาด" โอกาสประหยัดภาษีหลายหมื่น! | Thairath Money Night Stand EP.22

Summary

PTT, BDMS, Grab และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย เสวนาถึงกลยุทธ์ Green Business เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 สะท้อนภาพความยั่งยืนของประเทศไทยที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ฝูงปลาใหญ่

Latest


เวทีสัมมนา iBusiness Forum : Thailand Future Signal 2026 – จับสัญญาณอนาคต ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการเสวนาภายใต้หัวข้อ Green Business 2026: พลังงานใหม่ – ท่องเที่ยวยั่งยืน – นวัตกรรมสีเขียว

เจาะกลยุทธ์เชิงรุก คว้าโอกาสใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจไทยที่รวมผู้นำจากภาคเอกชนทั้ง 4 องค์กร ได้แก่ ปตท., กรุงเทพดุสิตเวชการ, แกร็บ ประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.)

ภาคพลังงาน - ปตท. เร่งเครื่องช่วยรัฐบาลสู่เป้าหมาย Net Zero 

รัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึง การดำเนินงานของบริษัทในฐานะผู้นำภาคพลังงาน ผ่านกลยุทธ์ C3 เน้นการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับทิศทางขององค์กร

  • C1: ลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Investment) คือ การลงทุนใน LNG และพลังงานสะอาดที่มากขึ้น และเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลด Portfolio ที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง เช่น ธุรกิจถ่านหิน 

  • C2: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในกลุ่ม (Internal Emission Reduction) ปัจจุบันกลุ่ม ปตท. มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 13-14% ของการปล่อยทั้งหมดของประเทศไทย

  • C3: ความร่วมมือ (Collaboration) การอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนโครงการสำคัญ เช่น CCS (Carbon Capture Storage) การดักจับและกักเก็บคาร์บอน

อีกทั้งได้เน้นย้ำถึง Key Success Factor คือ พันธมิตรในภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการนำพาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ได้แก่ 

1. การพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Development) 

ความร่วมมือเพื่อเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีที่มีต้นทุนต่ำ ในการลดคาร์บอนและการผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งการลดต้นทุนเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะยิ่งต้นทุนต่ำเท่าไร ยิ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยมากขึ้น

พันธมิตรในด้านนี้ ได้แก่ องค์กรที่เป็นมหาวิทยาลัย และพันธมิตรในต่างประเทศที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ ซึ่ง ปตท. เข้าไปร่วมลงทุนและพัฒนาคนเพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม

2. เครื่องมือทางการเงิน (Financial Instrument) 

มีเป้าหมายเพื่อกำหนดมาตรการและแรงจูงใจที่เหมาะสมต่อธุรกิจ และอุตสาหกรรม เพื่อทำให้โครงการ Decarbonization สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน ผ่านการร่วมมือของทั้งรัฐบาลและเอกชน 

3. การปลดล็อกกฎระเบียบ (Policy & Regulatory Unlock)

ประเด็นเรื่อง Decarbonization ปตท. ให้ความเห็นว่า ยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย จึงจำเป็นต้องอาศัยกฎระเบียบเพื่อต่อยอดโครงการต่าง ๆ ในอนาคต

ตัวอย่างสำคัญ คือ โครงการ Carbon Capture Storage (CCS) ซึ่ง ปตท. ระบุว่า วันนี้ยังไม่มีกฎระเบียบในการเข้าไปสำรวจพื้นที่เพื่อดูความจุของการเก็บคาร์บอนในอ่าวไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงพยายามปลดล็อกในเรื่องนี้

4. ความร่วมมือข้ามภาคส่วน (Cross-Sector Collaboration)

เป็นความร่วมมือที่ต้องร่วมกันคิดและรวมพลังกัน ในทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาคเอกชน ภาครัฐ และองค์กรต่างประเทศ

ในด้านการประยุกต์ใช้ AI เพื่อประสิทธภาพในการทำงาน ปตท. เปรียบเทียบการใช้ AI ในฐานะเครื่องมืออัจฉริยะที่ไม่ได้แค่วัดว่าคาร์บอนออกไปเท่าไหร่ แต่ยังช่วยปรับปรุงเครื่องจักร และกระบวนการทำงานแบบเรียลไทม์ 

ในกลุ่มปิโตรเคมี (โรงโอเลฟินส์) นำ AI เข้ามาช่วยในการ เพิ่มประสิทธิภาพ ในการผลิต ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนประมาณ 50 กว่าล้านบาทต่อปี และช่วยลดคาร์บอนได้ประมาณ 3,000 กว่าตันต่อปี

ภาคธุรกิจ Healthcare - BDSM ชู ไม่ใช่แค่รักษาโรค แต่ต้องดูแลโลกไปด้วย

พนาสันต์ สุจริตพาณิช ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานกลาง บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS กล่าวถึงประเด็นความท้าทายของกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพว่า สังคมสูงวัย (Aging Society ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุด 

การที่ผู้คนเริ่มมีอายุมากขึ้น ทำให้มีความต้องการในการดูแลเชิงป้องกัน (Preventive) เพิ่มขึ้นกว่าในอดีต การบริหารจัดการจึงต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ในทำนองเดียวกัน ด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลง จึงต้องให้ความสำคัญในภาคส่วน Chilidren Hospital ในการดูแลรักษาสุขภาพเด็กตั้งแต่แรกเกิด

ด้วยพลวัตรสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ ส่งผลให้การดำเนินงานจำเป็นต้องสร้างความยั่งยืนเพื่อลดทอนการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบเชิงลบ

โดย BDMS ได้นำหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) มาประยุกต์เข้ากับทิศทางการดำเนินธุรกิจ โดยเน้นหนักไปที่มิติสังคม (Social) และมิติธรรมาภิบาล (Governance)

เนื่องจากในมิติสิ่งแวดล้อม BDMS ระบุว่า ธุรกิจ Healthcare เป็นธุรกิจที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ พลังงานและทรัพยากร การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมจึงทำได้แค่ในส่วนของ Scope 1 และ Scope 2 เท่านั้น 

แต่ในด้านมิติสังคม (Social) ธุรกิจ Healthcare จำเป็นต้องช่วยในเรื่องของ Social ทั้งภายในและภายนอกบ้าน กล่าวคือ ต้องดูแล ฝึกอบรมบุคลากรภายในให้มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงชุมชน 

ตัวอย่างความร่วมมือด้าน Social คือ การฝึกสอนเรื่อง Basic support ซึ่งมีการอบรมไปแล้วกว่า 200,000 กว่าราย และการช่วยให้กลุ่มผู้มีความเปราะบางเข้าถึงการให้การบริการได้เร็วขึ้น

มิติธรรมาภิบาล (Governance) ธุรกิจ Healthcare ต้องเกี่ยวข้องกับคนค่อนข้างมาก ส่งผลให้การตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานของการทำงาน

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากนักลงทุนเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่เข้ามามีบทบาท โดยมีการคาดหวังผลการดำเนินงานด้าน ESG โดยเฉพาะในแง่ของตัวชี้วัด เช่น DJSI (Dow Jones Sustainability Index)

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ร่วมกับการดำเนินงาน ทาง BDMS ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางพันธุกรรม (Precision Medicine) มีการร่วมมือกับพันธมิตรในการวิเคราะห์เรื่องของยีน หรือ Thailand Genomics เพื่อสร้างฐานข้อมูลพันธุกรรมของคนไทย โดยใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินความจำเป็น 

รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการผ่าตัด เช่น การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อให้ Recovery Time รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ไวขึ้น 

ภาคเอกชน - Grab เป็นแพลตฟอร์มที่มีรถ EV มากที่สุด

ส่วนบริษัท แกร็บ ประเทศไทย เมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารคนขับ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ภายใต้หลักการที่เรียกว่า Triple Bottom Line ซึ่งมุ่งเน้น 3 P ได้แก่ Performance, People และ Planet ให้ทุก ๆ กระบวนการทำงานสามารถขับเคลื่อนทั้งสามภาคส่วน

โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 จากกลยุทธ์ 4 ด้าน 

  • การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Adoption)

Grab เป็นผู้ริเริ่มโครงการ EV มาตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้แคมเปญ Grab Green Wheels และปัจจุบัน Grab เป็นแพลตฟอร์มที่มีรถ EV ทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อมากที่สุดในประเทศไทย

  • พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy):

มีการจัดตั้งนโยบายที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ในอาคารสำนักงานใน 8 ประเทศที่ดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2040

  • การดำเนินธุรกิจ

ผลักดันให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดและรณรงค์รักษ์โลก เช่น การมีตัวเลือก ไม่รับช้อนส้อม ในส่วน GrabFood Delivery เพื่อช่วยลดขยะและมลพิษ เช่นเดียวกับในส่วน Mobility ผู้เดินทางสามารถเลือกรถ EV ได้ ซึ่งกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคให้สามารถใช้จ่ายพร้อมกับดูแลสิ่งแวดล้อม

  • ส่งเสริมการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting)

และได้มีการนำ AI เข้ามาใช้ในหลายภาคส่วนของการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีและข้อมูล เช่น การใช้ AI ในการแปลภาษาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

รวมถึงการ Optimize Route คือ การหาเส้นทางที่ประหยัดค่าโดยสารและปล่อยคาร์บอนน้อยลง และใช้ Batching System เพื่อให้คนขับส่งของได้หลายเที่ยวในการวิ่งครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานดังกล่าวอยู่บนความท้าทาย คือ ต้นทุนของการเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยีเดิมไปสู่สิ่งใหม่ แต่ทาง Grab มองว่า การปรับเปลี่ยนที่สร้างต้นทุนในวันนี้ คือ โอกาสในการสร้างเม็ดเงินในระยะยาว

ภาคการท่องเที่ยว - สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ผลักดัน Green Tourism

สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการและตัวแทนติดต่อนักท่องเที่ยว (agent) ระบุว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความต้องการท่องเที่ยวโดยไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม ซึ่งพวกเขาจะพิจารณาเกี่ยวกับโรงแรมหรือที่พักในกลุ่มที่เป็น Green Business หรือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ มีความต้องการให้มีการใช้โซลาร์เซลล์มากขึ้นในสถานที่จัดประชุมและโรงแรม

สธทท. เน้นว่าการท่องเที่ยวไทยต้องมีการปรับตัวและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับแนวโน้มการท่องเที่ยวสีเขียวที่อาจเพิ่มมากขึ้น ผ่านการปรับโครงสร้าง พัฒนาบุคลากร เช่น มัคคุเทศก์ที่เป็นด่านหน้าในการต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มีความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ การจัดเส้นทางการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างจุดขายและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดี

สมานนพพล รัตนธรรมทิตยา ผู้บริหาร สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ได้กล่าวถึง การขอความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจเอกชน เช่น BDMS โดยเสนอให้มีการร่วมมือกับชุมชนในการนำผลิตผลมาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์ Detox หรือบริการด้าน Wellness พร้อมร่วมมือกับแพทย์แผนไทย เพื่อนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้ร่วมกับโรงพยาบาล

ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI สธทท. มองว่าเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถช่วยหาเส้นทางที่เหมาะสมในการเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ไม่จำเป็น รวมถึงช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Gamification คือการทำให้การท่องเที่ยวเป็นเหมือนเกม

โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว เช่น ใช้ AI นับว่า การท่องเที่ยวครั้งนี้ได้ปลูกต้นไม้ไปกี่คน หรือการคำนวณการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแนวคิดขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่คือเป้าหมายร่วมกันของทั้งประเทศ เพราะการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตสีเขียวจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่จาก “กลยุทธ์ขององค์กร” แต่จาก “จิตสำนึกของทุกคน”

ติดตามข่าวสารด้าน Sustainability ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/sustainability     

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney   





Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ