56 ปี กฟผ.

Sustainability

ESG Strategy

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

56 ปี กฟผ.

Date Time: 7 มิ.ย. 2568 06:02 น.

Summary

คอลัมน์ Sustainable together สัปดาห์นี้ได้สัมภาษณ์ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในโอกาสที่ กฟผ.มีอายุการดำเนินงานครบรอบ 56 ปี

Latest

สร้างคนเพื่อธุรกิจยั่งยืน

คอลัมน์ Sustainable together สัปดาห์นี้ได้สัมภาษณ์ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในโอกาสที่ กฟผ.มีอายุการดำเนินงานครบรอบ 56 ปี

โดยนายเทพรัตน์ได้เล่าให้ฟังว่า 56 ปีที่ผ่านมา กฟผ.ในฐานะองค์กรหลักของการบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ให้มีความมั่นคงมาโดยตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้ง กฟผ. และจากนี้ไป กฟผ.จะยังคงยึดมั่นพันธกิจแห่งความยั่งยืนด้านพลังงานและสังคม เพื่อพัฒนาพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสมกับโลก

ภายใต้ยุทธศาสตร์ การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าสีเขียว โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor : SMR) เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงด้านพลังงาน โดยนับตั้งแต่กำลังผลิตเริ่มต้นเพียง 908 เมกะวัตต์ เมื่อครั้งก่อตั้ง กฟผ.วันที่ 1 พ.ค.2512 จวบจนปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 52,017 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 16,261 เมกะวัตต์ คิดเป็น 31.26% มีสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศ ความยาว 40,041 วงจร–กิโลเมตร

“ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด กฟผ.ได้ให้ความสำคัญ ของการรักษาความมั่นคงทางพลังงาน โดยหาจุดสมดุลระหว่างการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานหมุนเวียนที่เหมาะสมกับประเทศไทย”

เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เป็นแหล่งพลังงานที่มีความผันผวน มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 17-20% เท่านั้น ประกอบกับสถิติการใช้ไฟฟ้าของไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ กฟผ.จึงต้องพัฒนาระบบผลิตและส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัยและยืดหยุ่น (Grid Modernization) รองรับความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาทิ

การปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น (Flexible Power Plant)ให้สามารถเร่งหรือลดการผลิตไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้กำลังผลิตไฟฟ้าเพียงพอตามความ ต้องการในทุกช่วงเวลา, การปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น (Grid Flexible) โดยติดตั้งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ควบคู่กับการบริหารจัดการร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เพื่อลดความผันผวน รักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า

ขณะเดียวกัน ยังเน้นการเพิ่มศักยภาพการวางแผนผลิตไฟฟ้า ด้วยศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อนำไปใช้สำหรับวางแผนผลิตไฟฟ้าร่วมกับโรงไฟฟ้าหลักๆ

“ กฟผ.จะเร่งเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าสีเขียวผ่านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำเขื่อนของ กฟผ. จำนวน 3 โครงการ อาทิ ที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ทั้งหมดนี้จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569”

กฟผ.ยังจะเร่งการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าสะอาดแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ความมั่นคงและความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเดินเครื่องร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้ และไม่มีความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง

อีกทั้งระบบความปลอดภัยยังลดความซับซ้อนของอุปกรณ์ที่ออกแบบให้อยู่ในรูปแบบโมดูล ซึ่งผลิตและประกอบเบ็ดเสร็จจากโรงงานที่ควบคุมคุณภาพได้ดี รวมถึงสามารถหยุดทำงานได้อัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีระบบระบายความร้อนที่ไม่ต้องพึ่งพา ไฟฟ้าสำรอง

“ขนาดของโรงไฟฟ้าที่เล็กลงยังทำให้ระยะรัศมี การกำหนดพื้นที่ควบคุม การปล่อยสารกัมมันตรังสีลดลงด้วย โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ อาจมีระยะรัศมีถึง 16 กิโลเมตร ขณะที่ SMR มีระยะรัศมีน้อยกว่า 1 กิโลเมตร”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ