คอลัมน์ Sustainable together สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร” หรือ ท็อป ผู้ก่อตั้ง บริษัท คิดคิด จำกัด และ “ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” หรือ นุ่น ผู้ร่วมก่อตั้ง ถือเป็นคู่รักนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดำเนินกิจการเพื่อสังคมมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
นายพิพัฒน์เล่าว่า เป็นคนที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่เด็กแล้ว พยายามชักชวนคนใกล้ชิดให้ความสำคัญและใส่ใจรักสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ใช้ถุงผ้า กระบอกน้ำ เพื่อลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว โดยเชื่อว่าทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน และได้ทำมาเรื่อยๆ จนมาเปิดธุรกิจของตัวเองในรูปแบบ “อีโคช็อป” ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนรักสิ่งแวดล้อมด้วยกัน จึงนำมาสู่การเปิดบริษัท คิดคิด จำกัด ขึ้น เพื่อทำธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเน้นโครงสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
เมื่อเริ่มทำธุรกิจก็ต้องเรียนรู้และบริหารกิจการให้มีรายได้และกำไร ช่วงแรกของการก่อตั้งและบริหารงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะการทำโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รายได้และกำไรเพียงน้อยนิด แต่เมื่อมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็พยายามดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ และพัฒนาองค์กรให้ตอบโจทย์ตามยุคสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และอำนวยความสะดวกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค
ล่าสุดได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล “ECOLIFE” เพื่อตอบโจทย์คนยุคดิจิทัล เพราะทุกวันนี้ทุกคนใช้มือถือ ดังนั้นสามารถใช้แพลตฟอร์ม “ECOLIFE” ผ่านช่องทาง Line OA @ECOLIFEapp เพื่อร่วมกันรักษ์โลก และรักษ์สิ่งแวดล้อมไปด้วย โดยพยายามชักชวนพนักงานในองค์กรต่างๆ และนักเรียน นักศึกษา ด้วยการใช้วิธีการสะสมคะแนนการใช้แพลตฟอร์ม เพื่อแลกคะแนนในวิชาจิตอาสา และแลกเป็นส่วนลดในสินค้าที่ร่วมรายการ โดยตั้งเป้าบุกตลาดองค์กร 50 แห่ง แบรนด์สินค้าและบริการอีก 100 แบรนด์ คาดรายได้โต 25% ต่อปี
นายพิพัฒน์ เล่าต่อว่า ในปี 2568 นี้ ต้องการพันธมิตรร่วมลงทุน เพื่อขยายการให้บริการไปหลากหลายกลุ่ม โดยมีเป้าหมายที่จะใช้แพลตฟอร์ม ECOLIFE เป็นเครื่องมือช่วยเสริมการทำการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainable Marketing) และสร้างการมีส่วนร่วมการรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมขับเคลื่อนเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 700 บริษัท ที่สามารถนำไปประกอบรายงานความยั่งยืน เพราะมีการคำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ลดลงได้
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยประสบปัญหาขาดทุน มีรายได้และกำไรทุกปี แม้จะไม่มากมาย แต่มีกำไร โดยปีที่ผ่านมามีรายได้ 25 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะเติบโตราว 20-25% เนื่องจากเป็นปีที่บริษัทได้ขยายความร่วมมือไปยังองค์กรต่างๆมากมาย มีผู้บริโภคร่วมใช้แพลตฟอร์ม ECOLIFE เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ เพื่อต่อยอดธุรกิจได้
“จากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หันมาใส่ใจรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อผู้บริโภคหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืนได้แน่ ดังนั้นเราต้องช่วยกัน แพลตฟอร์ม ECO LIFE ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจและสังคมสีเขียวอย่างยั่งยืน”
น.ส.ศิรพันธ์ เล่าเสริมว่า ปีนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเปิดโอกาสในการหาพันธมิตรร่วมทุน ไม่ว่าจะเป็นร่วมแบบไหนก็มาเจรจากันได้ จะตั้งบริษัทใหม่ หรือจะเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในบริษัทคิดคิด ก็มาเจรจากันได้ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในบริษัท และเจริญเติบโตต่อไปได้ เพราะการทำธุรกิจแม้จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ก็ต้องการรายได้และกำไร แม้จะไม่มากมาย ก็ต้องดูแลคนในองค์กรได้ แต่หน่วยงานใด องค์กรใด ต้องการร่วมทุนกับบริษัทมาเจรจาได้ เปิดกว้างทุกรูปแบบ.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่