ESG ยั่งยืนยง!!

Sustainability

ESG Strategy

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ESG ยั่งยืนยง!!

Date Time: 28 มิ.ย. 2567 05:11 น.

Summary

เดี๋ยวนี้ เรื่องของ ESG เป็นที่รับรู้และยอมรับของนักลงทุนในวงกว้าง การตัดสินใจเลือกลงทุนหุ้นตัวไหน ก็จะพิจารณาดูว่ากิจการนั้นมีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG คือมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลมากน้อยเพียงใด

Latest

แบงก์ทยอยประกาศ No Gift Policy ไม่รับของขวัญ ของกำนัล สร้างบรรทัดฐาน ตัดช่องทางติดสินบน

เดี๋ยวนี้ เรื่องของ ESG เป็นที่รับรู้และยอมรับของนักลงทุนในวงกว้าง การตัดสินใจเลือกลงทุนหุ้นตัวไหน ก็จะพิจารณาดูว่ากิจการนั้นมีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG คือมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลมากน้อยเพียงใด เพราะการลงทุนในหุ้นยั่งยืนเดี๋ยวนี้ไม่ได้แปลว่ากิจการนั้นจะได้รับแค่คำชื่นชมจากการมีความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาอีกด้วย

ที่ผ่านมา “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” มีบทบาทสำคัญด้านการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกิจการ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ถือเป็นงานสำคัญที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับตลาดทุนในระยะยาว

ข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของรายงานด้านความยั่งยืน เมื่อเร็วๆนี้ มีการเปิดเผยตัวเลขที่น่าสนใจจากฐานข้อมูลของ SET ESG data platform ระบบจัดการข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯพัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลด้าน ESG พบว่าในปี 2023 มี บจ.ที่รายงานปริมาณการปล่อย GHG จำนวน 445 บริษัท (เท่ากับครึ่งหนึ่งของ บจ.ทั้งหมดใน SET และ mai ที่มีอยู่รวม 835 บริษัท) โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 30%

ส่วนปริมาณการปล่อย GHG ในปีล่าสุด มีตัวเลขลดลง 6.1% จากปีก่อน คิดเป็น 634 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีปริมาณการปล่อย GHG สูง ได้แก่ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มบริการ และยังพบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมีสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย

เป็นเรื่องน่ายินดีที่จำนวน บจ.ที่รายงานปริมาณการปล่อย GHG เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขปริมาณการปล่อย GHG ก็ต่ำลง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีจำนวน บจ.เปิดเผยข้อมูลนี้เพิ่มมากขึ้นนั้น มาจากมาตรการสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวระบบจัดการข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ เองที่อำนวยความสะดวกให้กับ บจ.ในการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ต่างๆ, มาตรการจูงใจอื่นๆ เช่น การลดค่าธรรมเนียม, การมอบรางวัลให้บริษัทที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ตลอดจนการให้ความรู้ และความร่วมมือกับองค์กรรัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง

รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ทำให้มี บจ.ที่ไม่ได้อยู่ใน SET ESG มีแรงจูงใจในการเปิดเผยข้อมูลการปล่อย GHG มากขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 43% เท่ากับจำนวน 339 บริษัท และล่าสุดกับการปรับเงื่อนไขของ TESG โดยเพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีเป็น 3 แสนบาท กับลดระยะเวลาถือครองเป็น 5 ปี น่าจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับ บจ.มากขึ้นอีก

จากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ในการสร้างความโปร่งใส, ตระหนักรู้ และการเปิดเผยข้อมูลการปล่อย GHG ให้มากขึ้น ซึ่งอนาคตสามารถต่อยอดไปถึงธุรกิจใหม่ๆ เช่น ตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการการปล่อยมลพิษให้สอดคล้องกับแผนการลดภาวะโลกร้อนได้ดียิ่งขึ้น!

คุณนายพารวย

คลิกอ่านคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออม” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ