
ควบคู่กับความสำเร็จของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และโครงการ “Upskill Reskill พัฒนาความรู้และทักษะใหม่” สำหรับร้านค้าที่เข้าโครงการคนละครึ่ง “ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)” เป็นหนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จนั้น ผ่านการให้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่ได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีว่า “ลงทะเบียนง่าย แม้จะมีหน่วงบ้างในบางเวลา แต่ไม่มีล่ม” ดีกว่า “คนละครึ่ง” ในรอบแรกมาก
แต่ในฐานะ “ธนาคารพาณิชย์” ที่มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ 55% “กรุงไทย” ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่ต้องพัฒนาต่อไป ทั้งการให้บริการทางการเงินกับประชาชน หาหนทางช่วยให้คนที่เข้าไม่ถึงระบบธนาคารให้สามารถเข้าถึงได้ ผ่านการใช้เทคโนโลยีการเงินสมัยใหม่ รวมทั้งการทำหน้าที่ช่วยเหลือภาครัฐตอบโจทย์การฟื้นเศรษฐกิจ โดยต้องไม่ลืมที่จะดูแล “ผู้ถือหุ้น” ซึ่งถือเป็นคนสำคัญ
ในโอกาสเมื่อวันที่ 24-29 พ.ย.ที่ผ่านมา “ธนาคารกรุงไทย” ได้เดินทางไปผสานความร่วมมือที่มากขึ้นกับ Ant International บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนที่ให้บริการโซลูชันการชำระเงินเทคโนโลยีและเทคโนโลยีทางการเงิน การบริหารความเสี่ยงเทคโนโลยีสินเชื่อ ภายใต้แบรนด์หลัก Alipay+, Antom, Worldfirst และ Bettr เพื่อยกระดับบริการทางการเงินและแอปพลิเคชันธนาคารในมือถือของประเทศไทย
ผู้บริหาร “กรุงไทย” เล่าให้ฟังถึง “การเดินทางของกรุงไทยที่ผ่านมา รวมทั้ง Land scape ยุทธศาสตร์ 5 ด้านของกรุงไทยในระยะต่อไปที่จะช่วยให้ก้าวสู่เป้าหมายหลัก “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”
“กรุงไทย” ความ Unique ที่เป็นเอกลักษณ์ “เราเป็นทั้งธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ให้บริการทางการเงิน และผลิตภัณฑ์การเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า พร้อมกับดูแลผู้ถือหุ้นของกรุงไทยในด้านผลตอบแทน แต่ในอีกบทบาทหนึ่งเราต้องดูแลประชาชน เพื่อตอบโจทย์ “กรุงไทย” ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ”
“สุริพงษ์ ตันติยานนท์” ประธานผู้บริหาร Retail Banking เริ่มต้นเล่าให้ฟังถึงพันธกิจและการเดินทางที่ผ่านมาของกรุงไทย “สิ่งที่แตกต่างคือ นอกจากต้องทำตัวเป็น “ธนาคารพาณิชย์” ที่แข่งขันตามปกติแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพิ่มคือ จะต้องตอบโจทย์ภาครัฐว่า เราสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ต้องเป็น Strategic Partner ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในแง่เศรษฐกิจ ตอนนี้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร กรุงไทยมีหน้าที่อยู่ตรงไหนในการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มี Mission ว่าต้องทำอย่างไรให้ประเทศไทยดีขึ้น และมีบทบาทสนับสนุน Digital Government”
ทั้งนี้ ย้อนไปตั้งแต่ปี 2563 กรุงไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่การปรับ Portfolio ในการปล่อยสินเชื่อ เราเคยมีลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอีเป็นลูกค้าหลัก แต่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเรา “ผยง ศรีวณิช” เห็นว่าต้องกลับมาดูลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ทำให้วันนี้ Retail Business เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกรุงไทย
นอกจากนั้น ภายใต้กลยุทธ์ Digital Transformation เรายกระดับแอปพลิเคชัน “กรุงไทย Next” ซึ่งเป็น Close Loop ของลูกค้ากรุงไทยให้ตอบโจทย์การให้บริการการเงินรายย่อยมากขึ้น และจุดที่สำคัญคือ ในช่วงโควิด-19 เราสร้างแอป “เป๋าตัง” ขึ้นมา อันนี้คือตอบโจทย์ภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยเข้าถึงบริการการเงินดิจิทัล “เป๋าตัง” จึงออกมาเป็น Open Platform ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการกิจกรรมต่างๆของภาครัฐ
จุดหลักๆ คือ โครงการคนละครึ่ง เวอร์ชัน 1 และเวอร์ชัน 2 ซึ่งเราต้องเพิ่มแอป “ถุงเงิน” ขึ้นมาเพื่อให้ร้านค้ารับคนละครึ่งได้ช่วงนั้นพนักงานสาขาของเราต้องวิ่งออกไปข้างนอก ไปตามชนบทในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้ร้านค้าทั่วประเทศรับชำระเงินได้ และในเวลาต่อมาจนถึงขณะนี้ “เป๋าตัง” ยังเป็นกลไกที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้
Mission หลัก Better Life for All Thais มาถึงวันนี้โจทย์หลักของกรุงไทยคือ จะทำอย่างไรที่จะสร้างมูลค่าของกรุงไทยให้มากที่สุดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า ภาครัฐ และประชาชน เพราะแนวทางการดำเนินการของกรุงไทยจะเกี่ยวโยงเพื่อช่วยให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น
“จาก “เป๋าตัง” ที่ผมเล่าให้ฟัง เรา Go Wallet พัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆให้สามารถใช้ซื้อทองคำ สลากกินแบ่งรัฐบาล และช่วยให้รายย่อยลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแค่เพียง 1 บาทก็สามารถซื้อได้”
วันนี้เรายังพัฒนา Krungthai Digital Health Platform สำหรับกลุ่มโรงพยาบาล คลินิก และร้านยา รวมถึงบริการใหม่ๆของ Health Wallet บนเป๋าตัง เช่น สิทธิที่เกี่ยวกับสุขภาพ สิทธิยารักษาโรคที่รัฐบาลให้เราฟรีในแต่ละปี ซึ่งเราเข้าไปดูได้ว่าปีนี้ยังเหลือโควตาเท่าไหร่ และถ้าต้องการยา เราจะไปเบิกที่ร้านขายยาที่ไหนในรัศมี 3 กิโลเมตร ยังมี MDC Connect ที่อยู่ในเป๋าตังให้คุณหมอสามารถอัปเดตข้อมูลตัวเองออกใบรับรองแพทย์ ฯลฯ ได้
รวมทั้งเมนูกองทุนการกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในเป๋าตัง ซึ่งช่วยชำระหนี้ ยืนยันตัวตน หรือปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ กยศ.ยังมี แอปเพื่อการศึกษา เช่น University App ซึ่งพัฒนาโดยทีมงานกรุงไทย และแพลตฟอร์ม E-filing ของกระทรวงยุติธรรมที่มีทนายกว่าหมื่นคนเข้าใช้ กรุงไทย Next ที่คนพิการทางสายตาสามารถใช้ได้ และการอำนวยความสะดวกด้วยการเชื่อมโยงระบบของกรุงไทยกับการจ่ายค่าโดยสารในระบบขนส่งมวลชนและทางด่วน
“การนำดิจิทัลมาใช้ช่วยให้การดำเนินการของธนาคาร และผลิตภาพโดยรวมดีขึ้น วันนี้ถ้าใครเข้าไปในสาขากรุงไทยจะเห็นพนักงานมี Tablet 1 อัน แต่มีข้อมูลบริการลูกค้ามากมาย ในอนาคตจะมี AI เข้ามาประกอบร่างช่วยให้การทำงานของคนดีขึ้น
ปัจจุบันกรุงไทยเรามีลูกค้าผ่านกรุงไทย Next 21 ล้านคน อยู่ในเป๋าตัง 40 ล้านคน มีร้านค้าถุงเงิน 2 ล้านร้านค้า ขณะที่ LINE Connect ซึ่งเราใช้เป็นช่องทางคุยกับลูกค้า ใช้กันอยู่ที่ 23 ล้านคน นอกจากนั้น ยังมีกรุงไทย Business ที่มีลูกค้าบริษัทใหญ่ และเอสเอ็มอี 70,000 บริษัท ขณะเดียวกันยังมีสาขา 960 สาขาทั่วประเทศ สามารถช่วยภารกิจต่างๆ ทั้งโครงการภาครัฐ โครงการเพื่อสังคม รวมทั้งดูแลลูกค้า สาขาจึงยังจำเป็นมากสำหรับกรุงไทย”
เมื่อถามถึงผลตอบแทน สำหรับคนถือหุ้นกรุงไทย เรามีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 380,000 ล้านบาท การจ่ายปันผลก็เพิ่มขึ้น อัตราทำกำไรสุทธิอยู่ในอันดับ Top 3 ของอุตสาหกรรม สิ้นปี 2567 มีกำไรสุทธิ 43,900 ล้านบาท ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 12.80% และในอนาคตยังคงตั้งเป้ารักษาไว้ไม่ต่ำกว่า 10% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 2.9%
“จากมูลค่าตลาดของหุ้นกรุงไทยที่เพิ่มขึ้น หากคิดจากหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ วันนี้มีมูลค่า 224,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124,000 ล้านบาทใน 5 ปี และเมื่อรวมกับเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ภาษี และเงินปันผลที่กรุงไทยจ่ายช่วง 4-5 ปีรวม 132,000 ล้าน เรานำส่งเงินภาครัฐแล้ว 260,000 ล้านบาท”
Financial Inclusion ดึงคนชายขอบเข้าระบบ “สุริพงษ์” เล่าให้ฟังต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา “ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย มีแนวคิดในการลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งมองเห็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารพาณิชย์ คนที่อยู่นอกระบบจำนวนมาก ที่ไม่ได้รับการบริการทางการเงินอย่างเหมาะสม ไม่สามารถกู้เงินได้และไม่มีโอกาส หรือทางเลือกในการออมเงินเพื่ออนาคต
“ธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank จึงเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่จะเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน และลดความเหลื่อมล้ำให้กับกลุ่มที่เข้าไม่ถึง โดยจะเป็นกลไกให้เราเข้าถึงกลุ่มคนที่เราปกติเข้าไม่ถึง ยกตัวอย่าง กลุ่มรากหญ้า หรือกลุ่มที่วันนี้ไม่มีข้อมูลในเครดิตบูโร ซึ่งเดิมหากเราจะปล่อยกู้ จะปล่อยไม่ได้ นั่นเป็นที่มา Virtual Bank ที่จะเข้ามาเสริม เป็น strategic focus ของกรุงไทย ให้เราเข้าไปถึงได้”
“ธวัชชัย ชีวานนท์” ประธานผู้บริหาร Product & Business Solutions ยังได้เล่าเพิ่มเติมถึงเหตุผลของการชะลอตัวของสินเชื่อในระยะที่ผ่านมา โดยเริ่ม จากภาพใหญ่ของประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งหากเป็นนักกีฬาก็คงไม่ได้อยู่ในความพร้อมในการแข่งขันมากนัก เศรษฐกิจไทยโตช้า เราติดกับดักหนี้ครัวเรือนสูง มีความเหลื่อมล้ำสูง ความสามารถการแข่งขันของเอสเอ็มอียังไม่สามารถกลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแรง
คนไทยลำบากมากขึ้น ทำให้ต้องกู้ยืมมากขึ้น มีหนี้นอกระบบมากขึ้นด้วย และหนี้ของคนที่อยู่นอกระบบจำนวนมากไม่ได้อยู่ในข้อมูลเครดิตบูโร ซึ่งการที่ไม่มีข้อมูล Credit Registry หรือฐานข้อมูลกลางส่วนบุคคล ทั้งประวัติการกู้ยืม การชำระหนี้ รวมถึงข้อมูลการใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิต ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของประชากรไทยไม่ครบถ้วน นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มปรับลดลง คาดปี 2569 จะอยู่ที่ 1.00% ต่อปี ยังส่งผลกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของสถาบันการเงิน
“ถ้าผมเป็นคนปล่อยกู้ ผมไม่มีทางรู้ว่าลูกหนี้ผมวันนี้เขามีหนี้ที่ไหนบ้าง มีความสามารถชำระหนี้อย่างไร เมื่อไม่รู้ความเสี่ยงหรือความเสี่ยงสูง ธนาคารก็ไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่การใช้ Alternate Data หรือค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ โดยมีสมมติฐานว่า ถ้าคนจ่ายตรงเวลาแนวโน้มจะเป็นคนที่มีเครดิตดีกว่าคนที่ไม่จ่ายตรงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างประเทศใช้ช่วยในการปล่อยกู้ เป็นอีกทางที่ช่วยคนที่อยู่นอกระบบได้ และกรุงไทยจะมี Alternative Data ที่ได้จากพันธมิตรที่สามารถนำมาใช้ปล่อยกู้ได้ในอนาคต”
เดินหน้า 5 ยุทธศาสตร์เติบโต รับปีม้าไฟ หลังจากรับรู้ถึงการเดินทางที่ผ่านมา “ธวัชชัย” ยังเล่าต่อถึงการดำเนินการข้างหน้า ซึ่งกรุงไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ 5 ด้าน สำหรับปีหน้าเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ด้านที่ 1.ยึดโยงกับภาครัฐและ Public Ecosystem โดยกรุงไทยใช้จุดแข็งด้านความสัมพันธ์และโครงสร้างการเชื่อมต่อกับหน่วยงานรัฐ ต่อยอดการให้บริการทางการเงิน ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี และรายย่อย
ด้านที่ 2.สร้าง New Growth Engines การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เช่น กลุ่มที่ยังไม่เข้าถึงบริการทางการเงิน (Unserved) และกลุ่มที่มีความมั่งคั่งและต้องการการลงทุน (Wealth) ซึ่งต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ซับซ้อนขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการให้บริการโซลูชันที่ครบถ้วนแก่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี รวมทั้งบริการที่จะตอบโจทย์ผู้สูงอายุรองรับสังคมสูงอายุของประเทศไทย
ด้านที่ 3.ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ลดจุดอ่อน (Pain point) ที่สำคัญ เช่น การรอคิวนานที่สาขา โดยธนาคารจะออกแบบบริการใหม่ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ด้านที่ 4.ลงทุนต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยี และระบบข้อมูล Data โดยในช่วงแบบ 9 ปี 10 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนในเรื่องนี้ ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ผมกล้าพูดว่ากรุงไทยวันนี้เราเป็น One of The Best และเราจะเดินหน้าใช้ Data ในเชิงลึก และนำ AI มาช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ
และด้านที่ 5.ปรับวัฒนธรรมองค์กรสู่ New Gen & Open Culture ซึ่งเป็น to do list ที่ตั้งเป้าจะต้องทำให้ทุกคนมีทัศนคติ มี DNA ของผู้ประกอบการ ไม่ได้เป็นแบบกึ่งๆภาครัฐเหมือนเมื่อก่อน เปลี่ยนภาพลักษณ์จากธนาคารกึ่งภาครัฐแบบเดิมเป็นองค์กรที่เปิดกว้าง คล่องตัว
ท้ายที่สุด กรุงไทยยืนยันว่า จนถึงวันนี้กรุงไทยยังไม่หยุดเดินทาง การมาดูงานที่ Ant International มดงานจีนที่สามารถสร้าง Alipay+ จากแอปชำระเงินสู่การเป็นซุปเปอร์แอป ที่มีบริการมากมายเชื่อมโยงบัญชีลูกค้า 1,800 ล้านบัญชี และร้านค้า 150 ล้านแห่งทั่วโลก ขณะที่แอป Antom Worldfirst และ Bettr ผู้ให้บริการชำระเงินสำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด ทั้งในประเทศ และข้ามประเทศ ที่ใช้ AI ช่วยในการขยายกิจการ ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ รวมทั้งการเกาะติดเทคโนโลยีใหม่ ทั้งบริการทางการเงิน การพยากรณ์ลมฟ้าอากาศ การป้องกันภัยจากโลกไซเบอร์ ฯลฯ
โดยมีเป้าหมายให้กรุงไทย Next หรือแม้แต่ “เป๋าตัง” ช่วยให้ชีวิตคนไทยง่ายและดีกว่าเดิม.
ทีมเศรษฐกิจ
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม