
โรเบิร์ต คูก เกิดปี 1923 ที่มาเลเซีย เริ่มต้นธุรกิจจากการค้าขายน้ำตาล จนได้รับฉายา 'Sugar King of Asia'
“Robert Kuok” คือชื่อของมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของมาเลเซีย ปัจจุบันมีอายุ 101 ปี เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทั้งทางธุรกิจและทางความคิดในเอเชีย และยังสามารถครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศมาได้ยาวนานกว่า 20 ปี
หนึ่งในแนวคิดที่ Robert Kuok ยึดมั่นมายาวนาน คือ “เราต้องถ่อมตน เพราะเราไม่มีทางที่จะ ‘ถูก’ เสมอไป” ทำให้ทุกวันนี้เราแทบจะไม่เห็นเขาออกมาหน้าสื่อ จนถูกเรียกว่าเป็น Media-Shy แม้ว่าตัวเองจะมีอาณาจักรขนาดใหญ่ มีธุรกิจที่ครอบคลุมแทบจะทั่วโลกอยู่ในมือก็ตาม
นอกจากนี้ เขายังได้รับฉายาว่าเป็น “Sugar King of Asia” จากความสำเร็จในธุรกิจค้าขายและผลิตน้ำตาลจนสามารถครอบตลาดมาเลเซียและเอเชียได้ ตามแนวคิดผูกขาดธุรกิจที่ได้เรียนรู้มาในช่วงวัยหนุ่ม และแม้ว่าเขาจะเกิดที่มาเลเซีย ก่อตั้งธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ปัจจุบัน Robert Kuok ได้ปักหลักอยู่ที่ฮ่องกง พร้อมกับรุกตลาดจีนอย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี 1973
บทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะขอพาไปบุกมาเลเซียและฮ่องกง ทำความรู้จัก “Robert Kuok” ตำนานที่ยังมีชีวิต หนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีอายุมากที่สุดในโลก บุคคลสำคัญผู้ที่ปั้น Kuok Group จนมีอำนาจและมีอิทธิพลไปทั่วเอเชียและทั่วโลก
ย้อนกลับไป “Robert Kuok Hock Nien” เกิดในปี 1923 ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย ในครอบครัวชาวจีนฟูโจวที่เรียกได้ว่ามั่งคั่งอยู่แล้วในระดับหนึ่ง โดยพ่อของเขา Kuok Keng Kang ได้อพยพมาจากจีนเพื่อมาตั้งรกรากในมาเลเซีย จนสามารถตั้งธุรกิจการค้า Tong Seng and Co. ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย
แต่ในช่วงของการทำธุรกิจของครอบครัว Kuok ก็ต้องพบกับความยากลำบากหนึ่งอย่าง นั่นคือ ขาดทักษะภาษาอังกฤษ เนื่องจากมาเลเซียตอนนั้นยังคงอยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษ เลยมีเป้าหมายที่จะให้ลูกชาย อย่าง Robert Kuok ต้องสื่อสารได้หลายภาษา จึงเป็นที่มาให้เขาถูกส่งตัวไปศึกษาต่อที่สิงคโปร์ใน Raffles College และที่นั่นเขาก็ยังได้รู้จักกับ Lee Kuan Yew ที่ต่อมาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์อีกด้วย
จนต่อมาในช่วงปลายปี 1941 ในระหว่างที่ Robert Kuok ศึกษาอยู่ที่สิงคโปร์ ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น นั่นคือ การรุกรานของญี่ปุ่นในมาลายา (พื้นที่ครอบคลุมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และบางส่วนของไทย) ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือ Robert Kuok ต้องหยุดเรียนกลางคัน แต่ก็ได้เข้าไปทำงานกับองค์กรใหญ่ของญี่ปุ่น Mitsubishi Shoji Kaisha ในตำแหน่งเสมียนให้กับแผนกค้าข้าวของบริษัท
การทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นกลับกลายเป็นการปูทางให้ Robert Kuok ได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจจากธุรกิจจริง ๆ เนื่องจากช่วงนั้น Mitsubishi กลายเป็นธุรกิจที่กินรวบในตลาดค้าข้าวของทั้งแถบมาลายา การได้ทำงานอยู่ภายในเลยเป็นโอกาสให้เขาได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่จะครอบครองทั้งห่วงโซ่ Value Chain
ทำให้ต่อมาเกิดเป็นธุรกิจ “Kuok Brothers Sdn Bhd” ในปี 1949 ที่ทาง Robert Kuok ได้ร่วมกับพี่น้องปั้นขึ้นมาเป็นธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตร เช่น ข้าว น้ำตาล และแป้ง ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ต่อมาทำให้เขาได้รับสมญานามว่าเป็น “Sugar King of Asia” หรือ “ราชาแห่งน้ำตาลของเอเชีย” อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นความมั่งคั่งของ Kuok Group ในอนาคตอีกด้วย
จากธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรที่ทำร่วมกับพี่น้องในครอบครัว ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดทั้งทางด้านการตลาด และการเมือง จนในปี 1959 สามารถขยายไปเปิดโรงงานผลิตน้ำตาล “Malayan Sugar Manufacturing Co. Bhd.” เป็นของตัวเองได้
ในช่วงที่มาเลเซียเพิ่งได้รับเอกราชมาไม่นาน การจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมหาศาลนั้นไม่ง่าย ส่งผลให้ Robert Kuok ต้องแก้เกมการเมืองอย่างระมัดระวังและชาญฉลาด โดยเขาเลือกที่จะดึงพาร์ทเนอร์จากญี่ปุ่น ตลอดจนกลุ่มชนชั้นสูงของมาเลเซียเข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น
ความสำเร็จก้าวแรกในการผสานธุรกิจให้สอดคล้องและมั่นคงไปกับการเมืองผ่านไป ก้าวต่อไปคือการพาบริษัทไประดับโลก Robert Kuok เริ่มมองการณ์ไกลด้วยการไปกว้านซื้อน้ำตาลราคาถูกในอินเดียก่อนที่ราคาน้ำตาลทั่วโลกจะพุ่งสูง และผลที่ตามมาก็คือทำกำไรได้มหาศาล
จากนั้นก็ขยายธุรกิจออกไป ไม่เพียงแค่ค้าขายทำกำไร หรือตั้งโรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเข้าซื้อไร่อ้อย เพื่อที่จะได้ปลูกเอง แปรรูปเอง ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจเอกชนที่สามารถผูกขาดตลาดได้ กินรวบจนสามารถครองตลาดน้ำตาลในมาเลเซียได้มากถึง 80% และยังครองตลาดโลกอีกกว่า 10% จนได้รับฉายาว่าเป็น “Sugar King of Asia” นั่นเอง
การขยายธุรกิจจนมาเป็น “Kuok Group” เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1953 ที่ได้เปิดตัว Kuok Singapore กระทั่งดำเนินมาถึงปี 1974 ที่ได้ไปเปิดสำนักงานที่ฮ่องกง ในชื่อ “Kerry Holdings” ซึ่งปัจจุบันคือ “Kerry Group” จะดูแลธุรกิจในฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก
ผ่านมากว่า 70 ปี Kuok Group ได้ขยายธุรกิจออกไปจนครอบคลุมทั้งสิ้น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการบริการ โลจิสติกส์ อาหารและธุรกิจเกษตร การเดินเรือ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์และการกุศล
ซึ่ง Thairath Money ได้รวบรวมและแตกย่อยออกเป็นธุรกิจที่น่าสนใจของ Kuok Group ดังนี้
ธุรกิจสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์
ธุรกิจดั้งเดิมของกลุ่ม นั่นคือ การค้าสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์ ที่ปัจจุบันยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และกำไรให้กับกลุ่ม โดยมี 2 ส่วนที่เป็นกำลังหลัก ได้แก่
ธุรกิจโรงแรมและการบริการ
สำหรับธุรกิจโรงแรมนี้ถือว่าเป็นส่วนที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับอาณาจักร Kuok เลยก็ว่าได้ เป็นธุรกิจที่เน้นไปด้านความหรูหราของโรงแรมและรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในกว่า 100 แห่งในเอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และยุโรป
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ระยะยาวของ Kuok Group การรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นการลงทุนระยะยาวที่ Robert Kuok เริ่มต้นมาจากการสร้างพอร์ตทรัพย์สินประเภทนี้จนสามารถขยายไปได้ทั่วเอเชีย โดยจะโฟกัสไปที่ทรัพย์สินมูลค่าสูง และตั้งอยู่ในแถบแลนด์มาร์คของเมือง
ธุรกิจโลจิสติกส์
อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้ขยายไปในหลายประเทศรอบโลก และก็รวมถึงประเทศไทยด้วย นั่นคือ ธุรกิจโลจิสติกส์ โดยมีชื่อของ “Kerry” เป็นดาวเด่นอยู่ในตลาดนี้ ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องของการขนส่งภายในประเทศ แต่ยังมีการขยายเครือข่ายออกไปขนส่งระหว่างประเทศอีกด้วย
การลงทุนและธุรกิจใหม่
นอกจากการปั้นธุรกิจแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ Robert Kuok คือการมองไกลและลงทุน โดยเขาเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงิน แต่ยังต้องเป็นรากฐานของเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตด้วย
ด้วยธุรกิจที่หลากหลายนี้ ทำให้ไม่สามารถหาตัวเลขมูลค่าของ Kuok Group ออกมาได้ชัดเจน แต่ละประเภทธุรกิจมีการดำเนินงานอยู่ในหลายประเทศ และจดทะเบียนในประเทศต่างกันออกไป ส่วนด้าน Robert Kuok ปัจจุบันที่อายุกำลังย่างเข้า 102 ปี มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กันยายน 2025) และยังคงรักษาตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในมาเลเซียไว้ได้อีกปี
ที่มา: Kuok Group, Forbes, seasia, Tatler, Gulf News, Shangri-La, Bloomberg, GlobalBiz Outlook
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney