การ์ดใบละแสน ขายไม่ออกก็แค่เก็บไว้ เทรนด์ลงทุนของคน Gen Z เก็งกำไรจากอาร์ตทอย - รองเท้ารุ่นแรร์

Personal Finance

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

การ์ดใบละแสน ขายไม่ออกก็แค่เก็บไว้ เทรนด์ลงทุนของคน Gen Z เก็งกำไรจากอาร์ตทอย - รองเท้ารุ่นแรร์

Date Time: 26 มิ.ย. 2568 15:27 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ลงทุนกับของสะสมที่ชอบ เช่น อาร์ตทอย รองเท้าผ้าใบลิมิเต็ด การ์ดศิลปิน และแฟชั่นวินเทจ แทนการเล่นหุ้นหรือซื้ออสังหาฯ เพราะนอกจากจะเก็งกำไรได้ ยังใช้โชว์ในโซเชียลได้จริง นักลงทุนกลุ่มนี้มองว่าสินค้าเหล่านี้คือ “สินทรัพย์จับต้องได้” ที่ผสมผสานความชอบกับการลงทุนได้อย่างลงตัว

Latest


พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยการลงทุนของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่เอาเงินไปทุ่มให้หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ เหมือนที่รุ่นพ่อแม่ทำ เพราะพวกเขามองว่าตัวเองยังไม่มีความรู้มากพอที่จะเล่นหุ้น และไม่มีเงินทุนหนาพอที่จะซื้ออสังหา

แต่เราจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้คนรุ่นใหม่นิยมหันมาลงทุนกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เช่น อาร์ตทอย หรือรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ด เพราะของเหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถนำไปเก็งกำไรเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้หรือโชว์ในโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย

นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าการลงทุนแบบนี้ตอบโจทย์ทั้งความชอบส่วนตัวและสะท้อนความมั่งคั่งของตัวเองผ่านของสะสม เพราะคน Gen Z มองว่านี่คือ “สินทรัพย์ลงทุนรูปแบบใหม่” ที่จับต้องได้จริง โดยเริ่มจากความชอบของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าสตางค์

เทรนด์ลงทุนของคนรุ่น Gen Z

จากการรายงานของ Tatler ระบุ Gen Z นั้นมีแนวคิดในการสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองด้วยการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างจากคนรุ่นอื่น ๆ โดยทุ่มเงินให้กับของใช้หรือของสะสมที่กำลังฮิตติดกระแสเพื่อนำมาเก็งกำไร แม้จะมีความเสี่ยงสูงแต่ Gen Z ส่วนใหญ่มองว่านี่คือการสร้างรายได้คุ้มพอให้เสี่ยง เพราะหากราคาตกแต่เรายังสามารถเก็บของสิ่งนั้นไว้กับตัวเองได้ และเมื่อมีกระแสที่ทำให้ของเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็สามารถนำไปขายต่อและสร้างกำไรให้กับตัวเจ้าของ

โดยของสะสมที่ Gen Z นิยมลงทุนซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่า คือ

1. อาร์ตทอย
ในยุคนี้คงไม่พูดถึงของสะสมสุดฮิตอย่าง “อาร์ตทอย” ไม่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างล้นหลามจากคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ยอมต่อแถวทั้งวันเพื่อให้ได้ซื้อของเล่นที่ต้องการ

โดยอาร์ตทอยมักจะออกคอลเลกชันใหม่ ๆ มาเพื่อกระตุ้นต่อมอยากซื้อของเหล่านักสะสม บางคอลเลกชันอาจกลายเป็นของหายากและราคาแพงขึ้นจากเดิมมากกว่าเท่าตัวเพราะกระแสนิยม เช่น ลาบูบู้ ที่เคยราคาพุ่งจาก 3,300 บาท กลายเป็น 20,000 - 25,000 บาท / 1 กล่อง (มี 6 ตัว)

2. รองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ด
อีกหนึ่งของสะสมที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนรุ่นใหม่คือ “รองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ด” เช่น Travis Scott x Nike Jordans ที่คู่หนึ่งสามารถมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในไม่กี่สัปดาห์หากเก็บสะสมเอาไว้

นักลงทุน Gen Z ในปัจจุบันมองรองเท้าเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของใช้ แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ พวกเขาเก็บรักษารองเท้าไว้ในกล่องควบคุมอุณหภูมิ เฝ้าติดตามราคาผ่านแอปพลิเคชันซื้อขาย และวางแผนการขายอย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้ได้กำไรกลับมา

3. การ์ดศิลปิน
แม้แต่โฟโต้การ์ดที่เป็นของสะสมจากศิลปินเองเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความชอบและการลงทุนที่ผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เช่น โฟโต้การ์ดจากงาน “Butterful Lucky” ของจองกุก วง BTS ที่ถูกขนานนามว่าเป็นการ์ดศิลปิน K-pop ที่ “ราคาแพงที่สุด” เพราะเป็นการ์ดหายากที่มีแค่ 60 ใบในโลกเท่านั้น

โดยการ์ดใบนี้เคยถูกประมูลผ่าน eBay ไปด้วยราคา 3,213 ดอลลาร์ หรือราว 1 แสนบาท/1 ใบ นอกจากนี้ยังมีการ์ดอีกหลายใบที่ถูกซื้อ-ขายในแวดวงคนรัก K-pop จนทำให้เกิดเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ของคน Gen Z ที่ใช้ความชอบของตัวเองเป็นหลักกลางของการสร้างรายได้


4. สินค้าแฟชั่นวินเทจ
แฟชั่นระดับไฮเอนด์กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z แทนที่จะเลือกซื้อของใหม่จากร้านค้าโดยตรง นักลงทุนจำนวนมากหันมาใช้แพลตฟอร์มรีเซลชื่อดังอย่าง The RealReal, Grailed และ Vestiaire Collective เพื่อค้นหาสินค้าวินเทจหรือชิ้นงานหายากที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมูลค่าในอนาคต

ตัวอย่างเช่น กระเป๋า Dior Saddle จากยุค 2000 หรือแจ็กเก็ต Rick Owens รุ่นลิมิเต็ด ที่อาจจะสร้างกำไรให้เราหากขายต่อในช่วงเวลาที่เหมาะสมและตรงกับการมีกระแส แต่การลงทุนกับของสะสมวินเทจนั้นจะต้องผสมระหว่างความรู้ด้านแฟชั่นไปพร้อมกับทักษะทางการเงิน เนื่องจากต้องติดตามราคา ประเมินมูลค่า รวมไปถึงทำประกันสินค้าแฟชั่นเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ต่างจากการลงทุนและดูแลหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซีเลย

แค่มีเงินลงทุนอาจไม่พอ ต้องรู้วิธีเลือกของสะสมด้วย

วิธีที่ Gen Z เลือกของสะสมที่จะนำมาลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้ตัวเองนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ต้องมาจากความชอบของตัวเองก่อน เพราะเราจะกระตือรือร้นและมีความสุขที่ได้เก็บของเหล่านั้นไว้กับตัวเองเพื่อรอขายออกในช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง

ในขณะเดียวกันก็ต้องวางแผนและประเมินความเป็นไปได้ของตลาดด้วยว่าของสะสมประเภทนั้น ๆ มีเทรนด์หรือความสนใจจากผู้คนเป็นยังไงบ้าง และมีแนวโน้มที่จะราคาเพิ่มสูงขึ้นมากแค่ไหน เพื่อไม่ให้การลงทุนของเราสูญเปล่า

นอกจากนี้ การมีความรู้และความเข้าใจในของสะสมที่จะลงทุนนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะต้องคอยอัปเดตเทรนด์และความนิยมของสินค้า เพื่อที่จะได้รู้ถึงมูลค่าและโอกาสเติบโตของสิ่งที่เราลงทุนไป เพราะความเสี่ยงของการลงทุนในของสะสมนั้นสูงไม่ต่างจากการลงทุนกับหุ้นหรือคริปโตเลย

หากแต่การลงทุนในของสะสมเหล่านั้นทำให้ Gen Z รู้สึกเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ซึ่งให้ความรู้สึกต่างจากหุ้นที่เป็นเพียงตัวเลขในแอปพลิเคชัน ของสะสมเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้หรือโชว์ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าการลงทุนกับของสะสมนั้นตอบโจทย์ทั้งความชอบส่วนตัวและภาพลักษณ์ทางสังคมของคน Gen Z มากกว่าการลงทุนแบบเดิม ๆ

ที่มา : TatlerKTC

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ