6 ข้อคิดสำคัญจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศสิ้นปีนี้ส่งไม้ต่อให้ “อาเบล” ย้ำไม่ขายหุ้นเบิร์กเชียร์

Personal Finance

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

6 ข้อคิดสำคัญจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศสิ้นปีนี้ส่งไม้ต่อให้ “อาเบล” ย้ำไม่ขายหุ้นเบิร์กเชียร์

Date Time: 4 พ.ค. 2568 11:41 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

วอร์เรน บัฟเฟตต์ วัย 94 ปี กูรูนักลงทุน ประกาศในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ จะยุติบทบาทประธานบริหารในสิ้นปีนี้ พร้อมส่งไม้ต่อให้ เกรก อาเบล รองประธานบริหาร วัย 62 ปี สืบทอดตำแหน่ง ย้ำไม่มีความคิดขายหุ้นเบิร์กเชียร์ที่ถืออยู่ออก พร้อมเชื่อมั่นอาเบลจะพาธุรกิจให้รุ่งเรือง แม้สหรัฐฯ กำลังเผชิญถูกตั้งคำถามอย่างมากบนเวทีเศรษฐกิจโลก แต่ยังเชื่อมั่นในความพิเศษของอเมริกา

Latest


ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กูรูนักลงทุนวัย 94 ปี ประกาศในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ว่าเขาได้ตัดสินใจยุติบทบาทประธานบริหาร ในสิ้นปี 2568 นี้ และจะส่งไม้ต่อให้กับ เกรก อาเบล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท

เหตุการณ์นี้เป็นการปิดฉากยุคสมัยของเบิร์กเชียร์ หลังจากที่บัฟเฟตต์นั่งบริหารมานานกว่า 60 ปีอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ในฐานะอภิมหาเศรษฐีหลายพันล้าน และเป็นแบบอย่างความสำเร็จของชาวอเมริกัน

"ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เกรกควรขึ้นมาเป็นประธานบริหารของบริษัทในช่วงสิ้นปีนี้" บัฟเฟตต์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะปิดการประชุมประจำปีของเบิร์กเชียร์ในโอมาฮา

พร้อมกับระบุว่า เขาจะยังคง "อยู่แถวๆ นี้และอาจจะมีประโยชน์ในบางกรณี" แต่ "คำตัดสินสุดท้าย" จะเป็นของอาเบล

มอบความไว้วางใจให้อาเบล และจะเก็บหุ้นเบิร์กเชียร์ไว้ทุกตัว ไม่มีแผนขาย

การประกาศยุติบทบาทประธานบริหารของบัฟเฟตต์ในครั้งนี้ได้จุดประกายให้เกิดคำชื่นชมยกย่องบัฟเฟตต์อย่างล้นหลามจากเหล่าซีอีโอและนักลงทุน อาทิ

เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าว วอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่ดีเกี่ยวกับระบบทุนนิยมอเมริกันและอเมริกา - การลงทุนเพื่อการเติบโตของประเทศและทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ การมองโลกในแง่ดี และสามัญสำนึก

ทิม คุก ประธานบริหารของแอปเปิล โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า ไม่เคยมีใครเหมือนวอร์เรน และผู้คนมากมายรวมถึงตัวผมเองต่างได้รับแรงบันดาลใจจากปัญญาของเขา การได้รู้จักเขาถือเป็นหนึ่งในเกียรติอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของผม

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของบัฟเฟตต์ผลักดันให้อาเบลก้าวขึ้นมาอยู่ในความสนใจ แม้ชื่อของอาเบลได้รับการระบุถึงมานานแล้วว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของบัฟเฟตต์ และอาจไม่มีพลังความเป็นดาราเท่ากับบัฟเฟตต์ แม้ว่าอาเบลจะรักษาวัฒนธรรมของบริษัทเอาไว้

ทั้งนี้ เกรก อาเบล วัย 62 ปี เป็นรองประธานของเบิร์กเชียร์มาตั้งแต่ปี 2561 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานบริหารที่คาดหวังของบัฟเฟตต์ในปี 2564

"ผมรู้สึกถ่อมตนและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเบิร์กเชียร์ในก้าวต่อไปของเรา" อาเบลกล่าวกับผู้ถือหุ้น

บัฟเฟตต์ยังกล่าวอีกว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะขายหุ้นเบิร์กเชียร์ของเขาเลย และหุ้นเหล่านี้เกือบทั้งหมดจะถูกบริจาคหลังจากเขาเสียชีวิต

"การตัดสินใจเก็บหุ้นทุกตัวไว้เป็นการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจ เพราะผมคิดว่าอนาคตของเบิร์กเชียร์จะดีกว่าภายใต้การบริหารของเกรกมากกว่าของผม" บัฟเฟตต์กล่าว

การเดินทางที่น่าทึ่ง

การตัดสินใจลงจากตำแหน่งนี้เป็นการปิดฉากการทำงานอันน่าทึ่งเป็นเวลา 60 ปี ที่บัฟเฟตต์ได้เปลี่ยนเบิร์กเชียร์จากบริษัทสิ่งทอที่กำลังล้มเหลวให้กลายเป็นกลุ่มบริษัทมูลค่า 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีธุรกิจครอบคลุมทั่วเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ทรัพย์สินของบัฟเฟตต์เองมีมูลค่ารวม 1.68 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลจากฟอร์บส์ เกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของหุ้นเบิร์กเชียร์

โคล สมีด ประธานบริหารของสมีด แคปปิตอล แมเนจเมนท์ กล่าวว่าหลังจากการประกาศของบัฟเฟตต์ เขาหันไปหาบิล สมีด ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งเป็นพ่อของเขาและพูดว่า "เอาล่ะ นี่คือการสิ้นสุดของยุคหนึ่ง มันน่าเศร้า แต่นั่นคือชีวิต"

ราคาหุ้นของเบิร์กเชียร์เพิ่มขึ้น 19% ในปีนี้ เทียบกับการลดลง 3% ของดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ 500 (.SPX)

นักลงทุนหลายรายมองว่ากลุ่มบริษัทและความเป็นผู้นำของบัฟเฟตต์เป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์

"คำถามในอนาคตคือ: เบิร์กเชียร์จะยังคงมีพรีเมี่ยมของบัฟเฟตต์ เมื่อบัฟเฟตต์ไม่อยู่แล้วหรือไม่?" แคธี่ ไซเฟิร์ต นักวิเคราะห์ที่ซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ช กล่าว "คุณกำลังซื้อหุ้นและคุณยังได้รับความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนของตำนาน เมื่อตำนานนั้นหายไป มูลค่าคืออะไร?"

'เทพเจ้าแห่งโอมาฮา'

บัฟเฟตต์เป็นที่รู้จักในนาม "เทพเจ้าแห่งโอมาฮา" จากความสำเร็จในการลงทุนของเขา และบุคลิกการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย รวมถึงปัญญาแบบชาวบ้าน เข้าถึงง่ายของเขา ในขณะที่หุ้นของเบิร์กเชียร์เพิ่มขึ้น 5,502,284% จากปี 2508 ถึง 2567 บัฟเฟตต์ไม่เคยย้ายออกจากบ้านที่เขาจ่ายไป 31,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2501 เลย

บัฟเฟตต์เป็นลูกศิษย์ของเบนจามิน เกรแฮม นักเศรษฐศาสตร์และอดีตอาจารย์ของเขา เน้นความสำคัญของพื้นฐานของบริษัทและการไม่จ่ายเงินซื้อสินทรัพย์แพงเกินไป แนวทางนี้มักทำให้การใช้เงินสดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของเบิร์กเชียร์เป็นเรื่องยาก ซึ่งมีมูลค่าถึง 3.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทรัพย์สินของบัฟเฟตต์จะมีมากขึ้น หากเขาไม่ได้บริจาคหุ้นเบิร์กเชียร์มากกว่าครึ่งให้กับการกุศลตั้งแต่ปี 2549 และคาดว่าเกือบทั้งหมดที่เหลือจะถูกนำเข้าไปในกองทุนการกุศลแห่งใหม่ ซึ่งดูแลโดยซูซี่ (ซูซาน อลิซ บัฟเฟตต์) ลูกสาวของบัฟเฟตต์ และโฮเวิร์ด เกรแฮม บัฟเฟตต์ กับปีเตอร์ บัฟเฟตต์ ลูกชายของเขา

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการคาดกันว่าโฮเวิร์ด บัฟเฟตต์ วัย 70 ปี จะสืบทอดตำแหน่งจากพ่อของเขาในฐานะประธาน ที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารของเบิร์กเชียร์ เพื่อช่วยรักษาวัฒนธรรมของบริษัท

ส่วน เกรก อาเบลเข้าร่วมงานกับบริษัท MidAmerican Energy ซึ่งปัจจุบันรู้จักในชื่อ Berkshire Hathaway Energy ในปี 2532 หรือ 8 ปีก่อนที่เบิร์กเชียร์จะเข้าซื้อกิจการ หลังจากนั้นเขาเป็นผู้นำธุรกิจนี้เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ อย่างไรก็ตาม อาเบลจะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ รวมถึงวิธีช่วยให้เบิร์กเชียร์เติบโตอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อกิจการแพงเกินไป

6 สิ่งสำคัญจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ปี 2568

นอกจากนี้ CNBC รายงานว่า ในช่วงประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี บัฟเฟตต์ใช้เวลาถาม-ตอบ ผู้ร่วมการประชุม 4.5 ชั่วโมง ก่อนจะประกาศยุติบทบาทประธานบริหาร โดยเขาได้พูดถึงหัวข้อต่างๆ มากมายครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจและการเมือง ซึ่งสรุปออกมา 6 ข้อ ดังนี้

1. แผนการลงจากตำแหน่ง

การประกาศของบัฟเฟตต์ที่จะลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารจะเป็นสิ่งที่มีกำหนดในการประชุมครั้งนี้ บัฟเฟตต์เสนอให้เกรก อาเบล รองประธานฝ่ายปฏิบัติการที่ไม่ใช่ประกันภัย เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งได้ร่วมตอบคำถามกับเขา

บัฟเฟตต์วางแผนที่จะประกาศแผนการของเขาอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการในวันนี้ (4 พ.ค.) จากนั้น คณะกรรมการสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางที่ดีที่สุดและจัดการตามความจำเป็น บัฟเฟตต์ตั้งใจที่จะลงจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้

โดยบัฟเฟตต์ได้แจ้งให้ลูกสองคนที่อยู่ในคณะกรรมการด้วย คือ โฮเวิร์ดและซูซาน ทราบแล้ว เขากล่าวเสริมว่าสมาชิกคณะกรรมการคนอื่นๆ ไม่ทราบว่าจะมีการประกาศนี้

"ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เกรกควรเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทในช่วงสิ้นปี" บัฟเฟตต์กล่าว

บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาจะ "อยู่แถวๆ" เพื่อช่วยเหลือบริษัทและจะไม่ขายหุ้นใดๆ

2. ไม่ชอบภาษีนำเข้า

บัฟเฟตต์ย้ำความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าและให้ความเห็นที่ตรงไปตรงมาที่สุดในหัวข้อนี้ คำแถลงล่าสุดของเขามีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าแผนการเก็บภาษีอัตราสูงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

"การค้าไม่ควรเป็นอาวุธ" บัฟเฟตต์กล่าว "ผมคิดว่ายิ่งประเทศอื่นๆ ในโลกเจริญรุ่งเรืองมากเท่าไร มันจะไม่เป็นการสูญเสียของเรา เราก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น และเรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และลูกๆ ของคุณก็จะรู้สึกเช่นนั้นในวันหนึ่ง"

บัฟเฟตต์ยังกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ ควรมองหาการค้ากับประเทศอื่นๆ และปล่อยให้พวกเขา "ทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด"

อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ไม่ได้กล่าวถึงชื่อทรัมป์ในการอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบของแผนการค้าเหล่านี้

3. ความผันผวนของตลาดล่าสุดเป็นเพียงจุดเล็กๆ

บัฟเฟตต์ไม่ได้รู้สึกท้อถอยกับความผันผวนของตลาดล่าสุดหลังการประกาศภาษีเหล่านั้น เขากล่าว แม้จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

"สิ่งที่เกิดขึ้นใน 30, 45 วันที่ผ่านมา... ไม่ใช่อะไรเลย" เขากล่าว

บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาจะไม่เรียกความผันผวนล่าสุดของตลาดว่าเป็นการเคลื่อนไหว "ขนาดใหญ่" ดัชนี S&P 500 เมื่อวันศุกร์ทำสถิติช่วงบวกยาวนานที่สุดในสองทศวรรษหลังจากการลดลงที่ส่งให้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี ซึ่งหมายถึงการลดลงเกือบ 20% จากจุดสูงสุดล่าสุด ในระหว่างวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามองการลดลง 50% ของหุ้นบริษัทว่าเป็น "โอกาสที่ยอดเยี่ยม" และ "มันจะไม่รบกวนผมแม้แต่น้อย" เขากล่าว

4. เชื่อในความพิเศษของอเมริกา

ในขณะที่ภาษีนำเข้าของทรัมป์ได้ตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ บนเวทีเศรษฐกิจโลก บัฟเฟตต์ยังคงคาดหวังว่าประเทศจะนำทาง

"เราผ่านภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่มาแล้ว เราผ่านสงครามโลกมาแล้ว เราผ่านการพัฒนาระเบิดปรมาณูที่เราไม่เคยฝันถึงในช่วงที่ผมเกิด ดังนั้นผมจะไม่ท้อแท้กับความจริงที่ว่า ดูเหมือนเราไม่ได้แก้ไขทุกปัญหาที่เกิดขึ้น" บัฟเฟตต์กล่าว "ถ้าผมกำลังจะเกิดวันนี้ ผมจะต่อรองในครรภ์จนกว่าพวกเขาจะบอกว่าคุณสามารถอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้"

บัฟเฟตต์ ซึ่งบิดาเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เรียกวันที่เขาเกิดในสหรัฐฯ ว่า "วันที่โชคดีที่สุดในชีวิตของผม"

5. การขาดดุลเป็นปัญหา

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับโครงการประสิทธิภาพรัฐบาลของทรัมป์ที่เรียกกันทั่วไปว่า "DOGE" บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาพบว่าการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นของประเทศเป็นเรื่องน่ากังวล

"เรากำลังดำเนินการภายใต้การขาดดุลการคลังในตอนนี้ซึ่งไม่ยั่งยืนในระยะยาวมาก เราไม่รู้ว่านั่นหมายถึง 2 ปีหรือ 20 ปี เพราะไม่เคยมีประเทศเหมือนสหรัฐอเมริกามาก่อน แต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตลอด" บัฟเฟตต์กล่าว

บัฟเฟตต์ไม่ได้พูดถึง DOGE โดยเฉพาะ แต่กล่าวว่าเขาเห็นคุณค่าในการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน

"มันเป็นงานที่ผมไม่ต้องการ แต่เป็นงานที่ผมคิดว่าควรทำ" เขากล่าว "รัฐสภาดูเหมือนจะไม่ได้ทำเรื่องนี้"

6. เบิร์กเชียร์เตรียมใช้เงินสด 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

บัฟเฟตต์เปิดเผยว่าเขาเกือบ — แต่ในที่สุดไม่ได้ — ใช้เงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากเงินสดที่บริษัทสะสมไว้มากเป็นประวัติการณ์

"เราเกือบจะใช้เงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่นานมานี้ (ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ใช้)….แต่เราก็จะใช้ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" เขากล่าว "ผมหมายความว่า การตัดสินใจเหล่านั้นไม่ยากที่จะทำเมื่อมีสิ่งที่น่าสนใจถูกเสนอมา ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับเราและเราเข้าใจและมีมูลค่าที่ดี"

ความเห็นของเขาเกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนสงสัยว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเบิร์กเชียร์จะเป็นอย่างไร เมื่อบริษัทมีเงินสดมากกว่า 3.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงสิ้นไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา

ที่มา :  CNBC Reuters

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ