กระทบกันถ้วนหน้า สงครามภาษี ทำมหาเศรษฐี สูญความมั่งคั่ง 5 แสนล้านดอลลาร์ฯ Elon ก็ไม่รอด

Personal Finance

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กระทบกันถ้วนหน้า สงครามภาษี ทำมหาเศรษฐี สูญความมั่งคั่ง 5 แสนล้านดอลลาร์ฯ Elon ก็ไม่รอด

Date Time: 8 เม.ย. 2568 15:42 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

สงครามภาษีทรัมป์ ทำ 500 มหาเศรษฐีทั่วโลกสูญความมั่งคั่ง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ Elon musk ก็ไม่รอด รับมงรวยลดลงอันดับ 1 ด้านมหาเศรษฐีเอเชียอ่วม ความมั่งคั่งหาย 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Latest


เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เรียกว่า “ภาษีตอบโต้” (Reciprocal tarriff) กับคู่ค้าทุกประเทศ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าเป็นวันปลดแอก (Liberation Day) สหรัฐฯ จากการเอาเปรียบด้านการค้า ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งพร้อมกัน โดยเฉพาะ S&P 500 ที่มูลค่าตลาดหายไปมากถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 วันแรก สะท้อนความโกลาหลในหมู่นักลงทุนกระทบไปถึงความมั่งคั่งในกระเป๋าของเหล่ามหาเศรษฐี


ข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามความมั่งคั่งของเหล่ามหาเศรษฐี 500 อันดับแรกของโลก พบว่า ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรทุกประเทศ มหาเศรษฐีสูญเสียความมั่งคั่งรวมกันกว่า 5.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.6 ล้านล้านบาท) มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนี S&P 500 ลดลง 10.5% และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 11.4%


โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 4 เม.ย.เป็นวันที่มูลค่าความมั่งคั่งร่วงลงมากที่สุด 3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่โควิด โดยมหาเศรษฐีเกือบ 90% มูลค่าทรัพย์สินลดลงเฉลี่ย 3.5% แซงหน้าการร่วงลงวันก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 


มหาเศรษฐีที่เจ็บหนักสุดคือ Elon Musk เจ้าของบริษัท Tesla และคู่หูป่วนเศรษฐกิจของทรัมป์ สูญเสียความมั่งคั่งมากที่สุด โดยมูลค่าหุ้นร่วงลงมากกว่า 10% ในวันที่ 4 เม.ย. ทำให้ในช่วงสองวันแรกหลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร มูลค่าความมั่งคั่งหายไปมากถึง 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ความมั่งคั่งประจำปี หายไป 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ


ตามมาด้วย Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Meta ที่สูญเสียความมั่งคั่ง 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นของบริษัท ลดลงเกือบ 14% ในช่วงสองวันแรก ตามมาด้วย Ernest Garcia III ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Carvana Co. ซึ่งสูญเสียความมั่งคั่งเป็นอันดับสาม ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ของ ซึ่งมูลค่าระดับนี้ เพียงพอที่จะทำให้เขาหลุดจากลิสต์มหาเศรษฐี 500 อันดับแรกของโลก โดยหุ้นบริษัทลดลงมากถึง 28% ในช่วงเวลาดังกล่าว


ในฟากของมหาเศรษฐีเอเชีย ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา บุคคลที่รวยที่สุด 20 อันดับแรกของภูมิภาค มูลค่าความมั่งคั่งรวมกันหายไปมากถึง 45,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1.6 ล้านล้านบาท) ขณะที่ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 8.5%

Lei Jun ประธานบริษัท Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังของจีน สูญเสียความมั่งคั่งมากที่สุดถึง 20% หรือ 7,800 ล้านดอลลาร์ ด้าน Pony Ma ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Tencent  สูญเสียทรัพย์สินมูลค่า 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 12% ของความมั่งคั่งทั้งหมด

ตามมาด้วย Gautam Adani มหาเศรษฐีและนักธุรกิจชาวอินเดียผู้ก่อตั้ง Adani Group กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ซึ่งมีธุรกิจครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย สูญเสียความมั่งคั่งไป 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Robin Zeng มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจแบตเตอรี่ในฮ่องกง สูญเสียความมั่งคั่งมูลค่า 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ทั้งนี้ คาดว่าเหล่ามหาเศรษฐีจะต้องเผชิญกับการสูญเสียความมั่งคั่งต่อไปเรื่อยๆ หากทรัมป์และทีมเศรษฐกิจยังยืนกรานที่จะบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีตามแผนเดิม ซึ่งในช่วงแรก สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีเพิ่ม 10% ตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันที่ 5 เมษายน 2568 (เวลาสหรัฐฯ) กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากทุกประเทศ และจะเริ่มเก็บภาษีตอบโต้ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2568 (เวลาสหรัฐฯ) 


ที่มา:


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ