ก่อนมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ "โดนัลด์ ทรัมป์" รวยจากอะไร? เส้นทางมหาเศรษฐีที่ขายได้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง

Personal Finance

Wealth Management

Tag

ก่อนมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ "โดนัลด์ ทรัมป์" รวยจากอะไร? เส้นทางมหาเศรษฐีที่ขายได้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง

Date Time: 21 ม.ค. 2568 11:09 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

โดนัลด์ ทรัมป์ เกิดในครอบครัวนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเริ่มธุรกิจของตนเองหลังเรียนจบ

  • ทรัมป์ขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรู รวมถึง Trump Tower และเข้าสู่อุตสาหกรรมคาสิโน
  • ทรัมป์สร้างแบรนด์ 'Trump' ในหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่โรงแรม สนามกอล์ฟ ไปจนถึงสินค้าต่างๆ
  • รายการ The Apprentice ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และปูทางสู่การเป็นประธานาธิบดี
  • หลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ยังคงมีอิทธิพลในธุรกิจและสื่อ ผ่าน Truth Social และหนังสือ

Latest


ประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 อย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” นอกจากจะสร้างชื่อจากการขึ้นเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกาถึง 2 สมัยแล้ว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยปรากฏอยู่หน้าสื่ออย่างต่อเนื่องในฐานะนักธุรกิจรายใหญ่ของอเมริกา ผู้ที่เชื่อมั่นใน “American Dream” เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง และยังเป็นเจ้าพ่อวงการสื่ออีกด้วย

เรียกได้ว่า ทรัมป์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจ (ที่ได้มาจากครอบครัว) ต่อยอดจนเป็นผู้กุมอำนาจในหลายวงการ ก่อนจะเข้าสู่โลกการเมือง และแผ่อิทธิพลไปสู่ระดับโลก

จากรายงานของ Forbes ชี้ว่า ปัจจุบัน โดนัลด์ ทรัมป์ มีทรัพย์สินอยู่ทั้งสิ้นกว่า 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองลำดับที่ 472 ของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก

บทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาย้อนกลับไปส่องอดีตของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่เขายึดถือหลักสร้างตัวและสร้างฝันแบบชาวอเมริกัน ว่าร่ำรวยมาจากอะไร ทำธุรกิจแนวไหน ตลอดจนปัจจุบันเขาขยายอาณาจักร “Trump” ไปสู่อะไรบ้าง?


รวยจากธุรกิจ (พ่อ) ตัวเอง

ก่อนจะพูดถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องขอย้อนกลับไปที่เรื่องราวของ “เฟรด ทรัมป์” ผู้เป็นพ่อ เศรษฐีที่สร้างตัวอย่างพอเหมาะพอเจาะในช่วงยุคพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สมัยประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ ที่ริเริ่มนโยบาย “นิวดีล” (New Deal) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยผ่านการให้กู้ยืมที่เข้าถึงง่ายและการสนับสนุนจากรัฐบาล ส่งผลให้ช่วงดังกล่าว เฟรด ทรัมป์ สามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลให้กับตัวเอง

ทำให้เรียกได้ว่า “โดนัลด์ เจ. ทรัมป์” เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 ที่เขตควีนส์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นช่วงที่พ่ออย่าง เฟรด ทรัมป์ กำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาในนครนิวยอร์ก

ธุรกิจครอบครัวนี้ ถือเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การเริ่มต้นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของโดนัลด์ ทรัมป์เอง หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ก็ได้เข้าร่วมงานกับบริษัทของพ่อ E. Trump & Son ในปี 1968

และด้วยรายได้จำนวนมหาศาล เฟรด ทรัมป์ยังได้ตั้งกองทรัสต์ (Trusts) ขึ้นมาโดยมีลูก ๆ ของเขาทุกคนเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม กองทรัสต์นี้ยังเป็นช่องทางให้เขาจ่ายภาษีที่น้อยลงด้วย และลูก ๆ ของเขาก็ได้รับผลประโยชน์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกมาเล่าว่า เขาไม่ได้ร่ำรวยมาจากธุรกิจของพ่อ หรือเงินที่พ่อให้แต่อย่างใด เขาได้รับเงินมาแค่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตั้งตัว หลังจากนั้นก็นำไปต่อยอด และร่ำรวยมาจากความสามารถของตัวเอง และยังคงเน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ของ American Dream ที่ทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จได้


ขยายธุรกิจอสังหาและคาสิโน

ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ โดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและขยายกิจการอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ซึ่งหนึ่งในโครงการสำคัญโครงการแรกของเขา คือ การเปลี่ยนโรงแรม Commodore Hotel ให้กลายเป็น Grand Hyatt New York ในปี 1980 โดยโครงการนี้ดำเนินการร่วมกับบริษัทไฮแอท และถือเป็นการเปิดตัวทรัมป์สู่โลกดีลอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง อีกทั้งความสำเร็จในโครงการนี้ช่วยให้เขากลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของแมนฮัตตันอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงปี 1980 เขาได้ริเริ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของธุรกิจตระกูลทรัมป์จากอสังหาราคาย่อม สู่ธุรกิจลักซ์ชูรีมากขึ้น โดนัลด์ ทรัมป์ได้ขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการที่มีชื่อเสียง เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์

ภาพหน้าตึก Trump Tower
ภาพหน้าตึก Trump Tower

ทรัมป์ได้เข้าซื้อและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรูหลายแห่ง รวมถึงตึก Trump Tower ตึก 58 ชั้น บนถนน Fifth Avenue ที่ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ความมั่งคั่งของทรัมป์ ซึ่งตึกนี้สร้างเสร็จในปี 1983 กลายเป็นสำนักงานใหญ่ของ The Trump Organisation และเป็นพื้นที่ตั้งอพาร์ตเมนต์สุดหรู ตลอดจนห้างสรรพสินค้า

นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ทรัมป์ยังขยายกิจการไปยังอุตสาหกรรมคาสิโน โดยเปิดโรงแรมและคาสิโนที่ชื่อว่า Trump Plaza Hotel and Casino ในแอตแลนติกซิตีเมื่อปี 1984 ตามมาด้วย Trump Castle และ Trump Taj Mahal

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมและคาสิโนหลายแห่งของเขาต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินอย่างมาก โดยในช่วงต้นปี 1990 อาณาจักรคาสิโนของทรัมป์สร้างหนี้สินจำนวนมหาศาล และทำกำไรไม่ได้เลย แม้ต่อมาทรัมป์จะหาทางแก้ปัญหาด้วยการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ แต่ก็มีการออกมาวิจารณ์ว่าทรัมป์ไม่สามารถชำระหนี้สินจำนวนหลายพันล้านได้ครบถ้วน อีกทั้งยังหาวิธีการหลีกเลี่ยงยื่นล้มละลายของตัวเองอีกด้วย


สร้างแบรนด์แบบ ทรัมป์ ๆ

อีกความไม่ธรรมดาของโดนัลด์ ทรัมป์ คือการพาแบรนด์ “Trump” ไปอยู่ในทุก ๆ ที่ทุก ๆ อุตสาหกรรมที่คนจะมองเห็น ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้อนุญาตให้ใช้ชื่อของเขากับผลิตภัณฑ์และโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่โรงแรมหรูและสนามกอล์ฟ ไปจนถึงสินค้าผู้บริโภค เช่น สเต็กแบรนด์ Trump, ไวน์ Trump, น้ำดื่ม Trump, ขายสินค้าหลากหลายบน Trump Store และแม้แต่อุตสาหกรรมการบินที่ปัจจุบันเลิกกิจการแล้วอย่าง Trump Shuttle

สินค้าแบรนด์ Trump
สินค้าแบรนด์ Trump

การให้สิทธิ์ใช้ชื่อทรัมป์ ได้กลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล ช่วยให้เขาได้รับค่าตอบแทนจำนวนมากโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงการเหล่านั้นเอง เพียงไปจับมือกับพาร์ทเนอร์ และใช้ชื่อตัวเองบนแบรนด์เท่านั้นเอง

โลโก้รายการ The Apprentice (จาก Wikipedia)
โลโก้รายการ The Apprentice (จาก Wikipedia)

ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ขยายแบรนด์ของตัวเอง และขายตัวเองให้เข้าสู่วงการสื่อ ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในการรักษาและยกระดับภาพลักษณ์ต่อสาธารณะของเขา โดยในปี 2004 ทรัมป์ได้เป็นพิธีกรและผู้อำนวยการสร้างรายการเรียลลิตี้โชว์ “The Apprentice” ที่ออกอากาศทาง NBC ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของทรัมป์ในฐานะนักธุรกิจและนักเจรจาที่ประสบความสำเร็จ รายการนี้ออกอากาศยาวนานถึง 14 ซีซั่น และในช่วงเวลานั้น ทรัมป์ได้รับเงินหลายล้านดอลลาร์จากค่าจ้างและสปอนเซอร์ต่าง ๆ

ความสำเร็จของ The Apprentice ไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่งคั่งให้กับทรัมป์ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการก้าวเข้ามาในวงการการเมือง รายการนี้ทำให้ทรัมป์เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งในอเมริกาและทั่วโลก และกลายเป็นเวทีที่ช่วยปูทางให้เขาชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 อีกด้วย


เป็นประธานาธิบดี ส่งผลต่อธุรกิจ

การได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก โดนัลด์ ทรัมป์เลือกที่จะไม่ขายกิจการอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง แต่เลือกที่จะโอนทรัพย์สินเข้าสู่กองทรัสต์ที่บริหารโดยลูกชายของเขาเอง (แนวทางเดียวกับพ่อเฟรด) ซึ่งการตัดสินใจนี้นำไปสู่การถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง และต้องพบกับข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์มากมาย

รีสอร์ท Mar-a-Lago
รีสอร์ท Mar-a-Lago

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ยังคงสร้างรายได้จากธุรกิจต่าง ๆ ทั้งจากโรงแรม Trump International Hotel ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ได้กลายเป็นศูนย์รวมของการพบปะของนักการเมืองและนักธุรกิจ นอกจากนี้ อสังหาริมทรัพย์ของเขาในฟลอริดา โดยเฉพาะ Mar-a-Lago รีสอร์ทหรู ก็ได้รับอานิสงส์จากสถานะประธานาธิบดี มีการใช้งานเพิ่มขึ้น และยังมีการเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งของทรัมป์ก็ส่งผลเสียต่อธุรกิจด้วยเช่นกัน โดยแบรนด์ “Trump” ได้รับผลกระทบ มีการยกเลิกข้อตกลงและความร่วมมือหลายรายการ ตัวอย่างเช่น โรงแรมและอาคารบางแห่งต้องลบชื่อทรัมป์ออก และบางธุรกิจก็ถูกคว่ำบาตร

จนกระทั่งในเดือนมกราคม ปี 2021 หลังจากทรัมป์ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี เขายังคงเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลทั้งในด้านการเมืองและธุรกิจ โดยแหล่งรายได้ส่วนใหญ่ยังคงผูกพันกับธุรกิจหลักด้านอสังหาริมทรัพย์ และจากแบรนด์ต่าง ๆ ของตัวเอง

โดยเขาได้ขยายอาณาจักรออกไปสู่วงการโซเชียล ผ่านการก่อตั้ง “Truth Social” แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียภายใต้การบริหารของ Trump Media & Technology Group (ไม่ลืมที่จะใช้ชื่อตัวเองในการตั้งชื่อบริษัท) แพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนาขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ถูกแบนจากเครือข่ายโซเชียลมีเดียหลักที่มีอยู่ ซึ่ง Truth Social ตั้งเป้าเป็นทางเลือกสำหรับการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี โดยเฉพาะในกลุ่มของฝ่ายอนุรักษ์นิยม แม้ว่าความสำเร็จทางการเงินของแพลตฟอร์มจะยังไม่แน่นอน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลต่อเนื่องของทรัมป์ในวงการสื่อและเทคโนโลยี

นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีการตีพิมพ์หนังสือ “Our Journey Together” หนังสือรวมภาพและคำบรรยายเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งทำยอดขายได้ดีมาก จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับเขาหลังพ้นตำแหน่ง


ที่มา: Business Over Drinks, Yahoo Finance, BBC [1][2], Forbes


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

Thanthida Thongphet

Thanthida Thongphet
Digital Economy & Future of Finance