เปิดเคล็ดลับชาว LGBTQ+ อยากซื้อบ้านร่วมกันสักหลัง ยื่นกู้แบบไหนให้ผ่านฉลุย

“Pride Month” หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (ชาว LGBTQ+) ผ่านการจัดงานเฉลิมฉลองจัดเต็มหลากหลาย ในประเทศไทย โดยเฉพาะปรากฏการณ์งาน Bangkok Pride 2023 เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 4 มิถุนายน ที่เพิ่งผ่านพ้นไป โบกสะบัดธงไพรด์ตั้งแต่แยกปทุมวันไปจนถึงเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อประกาศขับเคลื่อนความเท่าเทียมแบบ Beyond Gender

การเรียกร้องให้สังคมไทยเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายของความรักและความสัมพันธ์ นอกเหนือชาย-หญิง ที่มีอยู่จริง เพื่อนำไปสู่การรับรองสิทธิการก่อตั้งครอบครัวในกฎหมายสมรสเท่าเทียม

กลุ่มผู้บริโภค LGBTQ+ สำคัญแค่ไหน?

เจาะในแวดวงการตลาดและธุรกิจ ต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQ+ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนต่างๆ ไม่น้อย ข้อมูลจาก LGBT Capital ณ สิ้นปี 2562 ระบุ ทั่วโลกมีผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQ+ กว่า 371 ล้านคนทั่วโลก (อายุ 15 ปีขึ้นไป) มีอำนาจการใช้จ่ายรวมกันถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ขณะที่ผู้บริโภค LGBTQ+ ชาวไทย มีมากถึง 3.6 ล้านคน และมีอำนาจการใช้จ่ายอยู่ที่ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ประมาณการส่วนแบ่งความมั่งคั่งในครัวเรือนของผู้บริโภค LGBTQ+ ชาวไทย ยังมีถึง 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ไต่ระดับจาก 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 

สะท้อนให้เห็นกำลังซื้อของชาว LGBTQ+ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และยังมีพฤติกรรมการใช้เงินในระดับดีอีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้บริโภคกลุ่มนี้ จึงกลายเป็นเป้าหมายที่น่าจับตามองของหลายๆ ธุรกิจ 

ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะผลักดันอย่างเต็มที่ หลังจากเตรียมเข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลหลัก ถูกมองเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQ+ ที่อาจจะมีบทบาทร่วมกันมากขึ้นในการดูแลหรือทำธุรกรรมต่างๆ ภายใต้กฎหมายในฐานะคู่สมรส

“Thairath Money” พิจารณาถึงสิทธิเบื้องต้นที่ชาว LGBTQ+ ควรจะได้รับ แต่ปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคและมีข้อจำกัดอยู่มาก คือ การซื้อบ้าน หรือการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยร่วมของคู่รัก LGBTQ+ ทั้งๆ ที่การซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นเรื่องจำเป็น และมีความสำคัญในการเริ่มต้นสร้างครอบครัว แม้ปัจจุบันสถาบันการเงินบางแห่งจะมีการออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการยื่นกู้สินเชื่อร่วมกันแล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องนี้ ยังเป็นปัญหาอยู่มากในภาพรวม จากเส้นแบ่งหลักที่ถูกคลุมไว้ในระบบว่า ผู้กู้ร่วมนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกัน คือเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ร่วมเชื้อสายเดียวกัน หรือเป็นคู่สมรส ชาย-หญิง เท่านั้น!!

คู่รักชาว LGBTQIA+ กู้ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่าน

ความมั่นคง ผ่านการลงหลักปักฐานซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมอยู่ด้วยกัน อาจจะไม่ได้มีเพียงแค่คู่ชาย-หญิง หรือคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีเพื่อนหรือคู่ชีวิต LGBTQ+ คู่รักเพศเดียวกัน ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นสถานที่ที่พร้อมใช้ชีวิตด้วยกันไปจนถึงแก่เฒ่า

ข้อมูลจากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ แพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ด้วยรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากการกู้ร่วมของคู่รักชายหญิง เช่น กู้ได้เพียง 90% ของมูลค่าที่อยู่อาศัย, การที่คู่รัก LGBTQ+ ต้องใช้สินเชื่อประเภทอื่นในการซื้อที่อยู่อาศัย ระยะเวลาให้กู้สั้น และมีภาระดอกเบี้ยที่สูง ส่งผลให้การซื้อบ้านสักหลัง คอนโดฯ สักห้อง ของชาว LGBTQ+ ต้องวางแผนมาเบื้องต้นอย่างดี และตรวจเช็กเงื่อนไขให้พร้อม ดังนี้

- มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป

- มีรายได้มั่นคง โดยมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม (บางธนาคารกำหนดให้ผู้กู้หลักมีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป)

- พนักงานประจำต้องมีอายุงานรวมที่ทำงานเดิมและปัจจุบัน ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป (บางธนาคารไม่มีกำหนด)

- ผู้กู้ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานแสดงความสัมพันธ์หรือการอยู่ร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี ตามที่ธนาคารกำหนด เช่น ทะเบียนบ้านที่อยู่ด้วยกัน

LGBTQ+ วางแผนกู้ อย่ามองข้าม เอกสารจำเป็น

ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์ดัง บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) แนะว่า หลักฐานที่ต้องใช้ในการกู้ร่วมนั้น เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ภายหลังติดต่อกับธนาคารแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีทั้งธนาคารกสิกรไทย, ธนาคาร UOB, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารออมสิน ที่เปิดให้ ชาว LGBTQ+ กู้ร่วมได้ ให้จัดเตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ในการกู้ร่วม ดังนี้

เอกสารส่วนบุคคล

บัตรประชาชน

ทะเบียนบ้าน

ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน

หนังสือรับรองเงินเดือน

สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน

สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน

นอกจากการเตรียมเอกสารส่วนตัวและเอกสารด้านการเงินแล้ว เอกสารอีกส่วนหนึ่งที่คู่รัก LGBTQ+ จำเป็นจะต้องยื่นให้กับทางธนาคารด้วยเช่นกัน ก็คือ เอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในลักษณะของคู่รัก เพื่อให้การพิจารณาการกู้ร่วมผ่านได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

- รูปถ่ายงานมงคลสมรส เช่น บรรยากาศภายในงาน ช่วงทำพิธี เป็นต้น (ในกรณีที่มีการจัดงาน)

- ทะเบียนบ้านที่มีชื่อของทั้งสองคน เพื่อยืนยันกับทางธนาคารว่าบุคคลทั้งสองอาศัยอยู่ร่วมกันแล้ว

- รูปภาพที่ยืนยันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ

- เอกสารยืนยันการทำธุรกิจร่วมกัน (ถ้ามี)

- เอกสารในการกู้ซื้อทรัพย์สินอื่นร่วมกัน เช่น รถยนต์ (ถ้ามี)

- เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน (เป็นแบบฟอร์มของทางธนาคารที่ให้คู่รัก LGBTQ+ เซ็น เพื่อยืนยันการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีเฉพาะบางธนาคารเท่านั้น)

- ทะเบียนสมรส จากประเทศที่รองรับการจดทะเบียนของ LGBT พร้อมแปลเอกสารเป็นภาษาไทย (ถ้ามี)

โดยเอกสารต่างๆ เหล่านี้ ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ทางธนาคารเห็นว่าคุณทั้ง 2 คน เป็นคู่รักจริงๆ เนื่องจากคู่รัก LGBTQ+ ยังไม่มีใบทะเบียนสมรสออกมาอย่างเป็นทางการนั่นเอง

ทั้งนี้ หากผู้กู้ร่วมทั้งสองมีประวัติทางการเงินที่ดี โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ พร้อมวงเงินที่สูงก็จะมีมากขึ้น เพราะสถานะและความมั่นคงทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อ เป็นสิ่งที่ธนาคารจะใช้ประกอบในการอนุมัติสินเชื่อ ในทางตรงกันข้าม หากผู้กู้ยังมีประวัติทางการเงินที่ยังไม่ดี เช่น มีภาระหนี้สูง ค้างชำระหนี้เกินกำหนด ติดแบล็กลิสต์ ฯลฯ ก็อาจทำให้การยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีโอกาสผ่านได้ยาก โดยสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้า ได้แก่ มีวินัยในการชำระหนี้ที่ดีอยู่เสมอ, จัดเตรียมเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ, การจัดการความสามารถในการผ่อนชำระให้อยู่ในเกณฑ์ (ไม่เกิน 30% ของรายได้) และเพิ่มความน่าเชื่อทางการเงิน ด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน และมีการฝากเงินอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ.