5 เรื่องต้องรู้เมื่อเสียหายจาก “เหตุปะทะไทย - กัมพูชา” มีประกันจะเคลมได้ไหม

Personal Finance

Insurance

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

5 เรื่องต้องรู้เมื่อเสียหายจาก “เหตุปะทะไทย - กัมพูชา” มีประกันจะเคลมได้ไหม

Date Time: 7 ส.ค. 2568 16:44 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทยและกัมพูชา สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนมากมาย แต่หากมีความเสียหายเหล่านี้ประกันภัยจะมีส่วนช่วยอย่างไร

เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย หลายคนคงคิดถึงประกันภัยที่ซื้อไว้ว่าจะคุ้มครองอย่างไร

แต่ถ้าภัยนั้นไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่เกิดจาการโจมตีข้ามประเทศ

ประกันแบบไหนที่จะคุ้มครอง และแบบไหนที่อาจจะยกเว้นตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทยและกัมพูชา ที่ยกระดับขึ้นนับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 จากการปะทะนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่และสร้างความเสียหายต่อชีวิต รวมถึงทรัพย์สิน ทั้งคนทั่วไปหรือภาคธุรกิจ อย่างเหตุการณ์น่าเศร้าในปั๊มน้ำมันที่มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก แม้จะมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว แต่หลายฝ่ายยังกังวลว่าความเสียหายยังลุกลาม

ท่ามกลางเหตุการณ์สะเทือนใจเหล่านี้ หลายคนมีข้อสงสัยว่า หากสถานการณ์ถูกเรียกว่า “สงคราม” “การรุกราน” หรืออื่นๆ ประกันภัยที่ประชาชนซื้อไว้เพื่อใช้บริหารความเสี่ยงจะมีข้อยกเว้นในการเคลมหรือไม่ และถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดจากปัจจัยภายนอกแบบนี้ ประกันฯ จะมีความคุ้มครองในรูปแบบใดบ้าง

1. ประกันชีวิตรายเดี่ยว (ที่เราซื้อกันรายบุคคล) 

กรมธรรม์ประกันชีวิตจะคุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี ตั้งแต่อุบัติเหตุ เจ็บป่วย ไปจนถึงภัยสงคราม แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อยกเว้นพื้นฐาน เช่น ถ้าผู้เอาประกัน (เจ้าของกรมธรรม์) ถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา ประกันชีวิตจะไม่จ่าย เป็นต้น 

ส่วนในสัญญาเพิ่มเติมเช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ต้องดูในรายละเอียดแต่ละสัญญา ในแต่ละบริษัท เพราะว่าสัญญากลุ่มนี้เป็นมาตรฐานหลักในระดับนานาชาติที่ส่งให้ผู้รับประกันภัยต่อ (Reinsurer) ที่มีการระบุเงื่อนไขต่างๆ ไว้แล้ว  

ในกรณีที่ไม่เข้าเงื่อนไขเคลมแต่เป็นลูกค้าบริษัทประกัน นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เคยกล่าวไว้ว่า บริษัทประกันชีวิตอาจพิจารณาจ่ายสินไหมกรุณา ที่จะขึ้นอยู่ดุลพินิจของแต่ละบริษัท ซึ่งหมายความว่าตามเงื่อนไขสัญญาอาจไม่ต้องจ่ายเคลม แต่เราบริษัทประกันชีวิตตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน ช่วงที่ผ่านมาจึงมีหลายบริษัทฯ ที่แจ้งกับสมาคมว่าพิจารณาสินไหมกรุณาไปบ้างแล้ว 

2. คปภ. ตีความ เหตุการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่เข้าข้อยกเว้นสงคราม

ในด้านประกันภัย มีหน่วยงานที่กำกับดูแลคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งล่าสุดออกมาเร่งให้ บริษัทประกันภัยไปสำรวจภัย และเข้าดูแลผู้เอาประกันที่เจอผลกระทบจากกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายคำว่า “สงคราม (war)”  ในข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่ยังต้องดูข้อยกเว้นเพิ่มเติมในแต่ละกรมธรรม์ซึ่งบริษัทฯ อาจต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดย คปภ. พร้อมเป็นตัวกลางในการพูดคุยเสมอ

จากใจความหลักที่ คปภ. สื่อสารออกมาช่วงเย็นออกวันที่ 6 สิงหาคม 2568 นี้ก็เพื่อลดความกังวลจากข้อสงสัยที่ว่า “ถ้านับเป็นสงครามคนจะเคลมประกันได้ยากขึ้นไหม” ทว่าเรื่องนี้อาจต้องเจาะลึกในแต่ละกรมธรรม์ว่า “คำนิยาม/ข้อยกเว้น” ที่เขียนไว้เป็นแบบไหน เพราะในกรมธรรม์ที่ยาวเหยียดของแต่ละบริษัทประกันฯ อาจระบุไว้ไม่เหมือนกัน

ที่สำคัญทาง คปภ. ยังระบุว่า “หากกรณีปรากฎว่า เข้าข้อยกเว้นอื่นใด ตามกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทสามารถช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน โดยพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในลักษณะค่าสินไหมทดแทนกรุณาได้” ถือว่ากำลังเปิดทางให้ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมแม้จะไม่เข้าเงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งเราจะมาคุยกันในข้อที่ 4

3. เข้าใจคำว่า “War Risks” ในมุมมองประกันวินาศภัย 

ประกันแบบไหนคุ้มครองภัยนี้

เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน หลายคนจะนึกถึงประกันวินาศภัยที่ซื้อไว้ เช่น ประกันรถยนต์ ประกันบัาน ไปจนถึงประกันธุรกิจ แต่ข้อสำคัญ เคลมได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขประกันภัยที่เราซื้อไว้ ซึ่งกระแสข่าวช่วงนี้ยังพูดถึงเงื่อนไข/นิยามคำว่า War Risks หรือ ภัยสงคราม อาจเป็นข้อยกเว้นความคุ้มครองได้

สำหรับเรื่องนี้มีมุมมองที่น่าสนใจจากศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. ประมวล จันทร์ชีวะ ที่อธิบายไว้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยมักระบุถึง War Risks เป็นชื่อของกลุ่มของภัยที่มีลักษณะคล้ายกันหรือควรจัดอยู่ในกลุ่มภัยเดียวกัน เช่น สงคราม (ไม่ว่าจะได้มีการประกาศหรือไม่ก็ตาม) การรุกราน การกระทำของศัตรูต่างชาติ การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ หรือการปฏิบัติการเยี่ยงสงคราม และสงครามกลางเมือง เป็นตัน

ซึ่งความหมายของ ภัยสงครามยังกว้างขวาง บางประเทศใช้ความหมายตามพจนานุกรมซึ่งศาลฎีกาของไทยก็เคยใช้วิธีการนี้มาก่อน โดยคำพิพากษาฯ ที่ 2667/2544 ระบุว่า “สงคราม (ไม่ว่าจะมีการประกาศหรือไม่ก็ตาม)” 

ดังนั้น ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เงื่อนไขเกี่ยวกับ War Risks อาจตีความได้แตกต่างกันตามถ้อยคำและเงื่อนไขระบุในกรมธรรม์ของแต่ละประเทศ และแต่ละบริษัท เช่น คำว่า “การปะทะระหว่างไทย - เขมร” จะนับเป็นการรุกรานหรือไม่ เป็นต้น ดังนั้นจะเคลมได้หรือไม่ก็อยู่ที่เงื่อนไขตามกรมธรรม์ที่เราถืออยู่

แต่ประกันแบบไหนที่คุ้มครองภัยสงคราม ? 

จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ผู้เอาประกันสามารถซื้อความคุ้มครองนี้เพิ่มเติมได้ (และจ่ายเบี้ยเพิ่มไป) ในไทยส่วนใหญ่จะมีความคุ้มครองนี้ในภาคธุรกิจ เช่นอาจเพิ่มในประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด หรือ ประกันภัยทรัพย์สิน (IAR) แต่ในรายบุคคล อาจซื้อเพิ่มกับประกันอุบัติเหตุ (PA) แต่คนไม่นิยมซื้อมากนักจึงไม่มีความคุ้มครองนี้ขายในตลาดประเทศไทยสักเท่าไร


4. สินไหมกรุณา ช่วยได้แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ

เราพูดถึงสินไหมกรุณา หรือ Ex gratia payment มาหลายครั้งแต่คำนี้มีความหมายว่าอะไร ว่าง่ายๆ นี่คือ ถึงเคลมที่ขอมาไม่ตรงเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ แต่บริษัทประกันภัยก็ช่วยเหลือจ่ายเคลมสินไหมให้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละบริษัทเท่านั้น เช่น รถเราเสียหายเพราะไปลากจูงรถคันอื่นที่เสียอยู่บนถนน พอมาเคลมประกันก็ติดเงื่อนไขข้อยกเว้นว่า ไม่คุ้มครองความเสียหายจากการลากจูงรถคันอื่น แต่โชคดีที่บริษัทเห็นใจอาจจ่ายเคลมให้บางส่วน เป็นต้น 

แต่เมื่อการเคลม “สินไหมกรุณา” เป็นสิทธิ์ขาดและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละบริษัท ดังนั้นปัจจัยอะไรบ้างที่บริษัทฯ ประกันจะใช้ในการพิจารณา Thairath Money ขอยกตัวอย่างที่อาจมีผลต่อเคลมประเภทนี้ เช่น ผู้เอาประกันภัยต้องมีความสุจริตใจไม่ได้มีเจตนาอื่น หรือฉ้อฉล เป็นต้น 

ในด้านการทำธุรกิจประกันภัยยังมีนักวิชาการอิสระออกมาตั้งคำถามว่า สินไหมกรุณาอาจก่อให้เกิดประเด็นข้อกฎหมายว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่? เพราะมาตรา 31 (11) พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 บัญญัติห้ามไม่ให้บริษัทประกันภัย “ให้ประโยชน์เป็นพิเศษแก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย” ซึ่งมีโทษทางอาญา และมีโทษปรับตามกฎหมายไทย (สั่งปรับได้ไม่เกิน 500,000 บาท) ดังนั้น การช่วยเหลือของผู้รับประกันภัยจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า Ex gratia payment หรือ สินไหมกรุณา

นอกจากนี้แหล่งข่าวจากธุรกิจประกันภัยเล่าว่า ที่ผ่านมาบริษัทประกันภัยมีการจ่ายสินไหมกรุณาอยู่แล้ว แต่อาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนักว่า ข้อจำกัด เงื่อนไข หรือวงเงินที่จ่ายสินไหมอยู่ที่เท่าไร แต่ธุรกิจประกันภัยทั้งชีวิต และวินาศภัยพยายามเร่งให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ

5. สงสัย - มีประเด็นเรื่องประกัน ต้องร้องเรียน/ติดต่อที่ไหน

เมื่อเกิดข้อสงสัย หรือปัญหาเรื่องการประกัน คำแนะนำแรกคือ หากรมธรรม์ประกันภัยขึ้นมาดูว่า ความคุ้มครองที่เรามีอยู่เป็นอย่างไร หากมีตัวแทนหรือผู้ดูแลสามารถปรึกษาข้อสงสัยได้เต็มที่ และหากมีปัญหาในการเคลมกับบริษัทประกันภัย อาจเลือกติดต่อภายในบริษัทเพื่อหาคำตอบในเคสที่เกิดขึ้น 

แต่ถ้าคำตอบไม่ชัดเจน ไม่เคลียร์ เราสามารถติดต่อกับ คปภ. ผ่านสายด่วน 1186 หรือช่องทางเว็บไซต์ของคปภ. ซึ่งพร้อมให้คำปรึกษา ไปจนถึงการร้องเรียนด้านการประกันภัย แต่ร้องเรียนได้เฉพาะช่องทางออนไลน์และเข้าไปที่สำนักงาน ไม่สามารถร้องเรียนผ่าน 1186 ได้ 
สุดท้ายนี้ไม่ว่า ภัยด้านไหนจะเกิดขึ้น หากประกันภัยแล้วเราควรรู้และเข้าใจความคุ้มครองที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดผลดีต่อตัวเราที่สุด


ที่มา คปภ., สมาคมประกันชีวิตไทย, สมาคมประกันวินาศภัยไทย, TISCO


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ