อยากทำประกัน ฉบับ “มนุษย์เงินเดือน” และ “เจ้าของธุรกิจ” ควรแบ่งเงินเท่าไรดี

Personal Finance

Insurance

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

อยากทำประกัน ฉบับ “มนุษย์เงินเดือน” และ “เจ้าของธุรกิจ” ควรแบ่งเงินเท่าไรดี

Date Time: 25 ก.พ. 2568 12:42 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

อยากทำประกัน แต่ไม่รู้จะแบ่งเงินเท่าไรดี? นักวางแผนการเงิน แนะนำว่า มนุษย์เงินเดือนควรจัดสรร 10-20% ของรายได้ ส่วนเจ้าของธุรกิจ ควรคำนึงถึงความสามารถในการแบ่งเงินเป็นก้อน พร้อมวางแผนความคุ้มครองให้ครอบคลุม เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินในอนาคต

จะดีกว่าไหม หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน แล้วยังมีหลักประกันช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุหรือโรคร้ายแรง เงินชดเชยในช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้ รวมถึงมีเงินก้อนให้คนที่คุณรักในวันที่คุณไม่อยู่

สิ่งเหล่านี้สามารถบริหารจัดการได้ด้วยการทำ “ประกัน” ซึ่งนับเป็นเครื่องมือการเงินสำคัญช่วยบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเจ้าของธุรกิจ โดยเราสามารถเตรียมพร้อมเพื่อให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่ควบคุมได้มากที่สุด

การทำประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตและทำงานอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่อาจกระทบแผนการเงิน 

แต่หลายคนคงมีคำถามว่า แล้วจะต้องแบ่งเงินมาทำเท่าไรถึงจะเหมาะสม วันนี้ “Thairath Money” หยิบยกคำแนะนำจากนักวางแผนการเงินมาฝาก ดังนี้

บุณยนุช ยุทธ์ประทุม นักวางแผนการเงิน CFP® เผยแพร่บทความ “อยากทำประกัน จัดสรรเงินมาทำเท่าไรดี” ผ่านสมาคมนักวางแผนการเงินไทย โดยระบุว่า แนวทางในการจัดสรรเงินเพื่อทำประกัน สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการได้มาของรายได้ คือ

  1. กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้หลักจากเงินเดือน
  2. กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้ในแต่ละเดือนไม่เท่ากัน

จึงต้องคาดการณ์จากรายได้ต่อปีของท่านผู้ประกอบการธุรกิจเอง แล้วมองความสามารถในการเก็บเงินได้ในแต่ละปี

มนุษย์เงินเดือน ควรแบ่งเงิน 10-20% ของรายได้เพื่อทำประกัน

จากการแบ่งประเภทการรับเงินตามข้างต้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มมนุษย์เงินเดือนนั้น สามารถวางแผนเรื่องการแบ่งสัดส่วนเงินมาทำประกันได้ง่าย เพราะมีรายได้สม่ำเสมอและแน่นอน

โดยใช้หลักการง่ายๆ คือ ควรอยู่ในช่วง 10-20% ของรายได้ ขึ้นอยู่กับสถานะ บริบทและสภาพแวดล้อมของแต่ละคน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของการทำประกันที่มนุษย์เงินเดือนเลือก รวมถึงผลประโยชน์ทางด้านภาษี วงเงินความคุ้มครองให้กับครอบครัว เงินเก็บในอนาคต และรวมถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหากเกิดการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้ค่ารักษามากระทบการเงินของท่านในส่วนอื่นๆ

ในเวลาต่อมา ผู้รับเงินเดือนทั้งหลายอาจได้รับการปรับฐานเงินเดือนหรือมีรายได้ส่วนอื่นที่ทำให้รายได้มากขึ้น หากท่านยังคงรักษาสัดส่วนแบ่งเงินมาทำประกันไว้อย่างดี ท่านก็สามารถมีเงินเก็บและความคุ้มครองทางประกันที่มากขึ้นโดยที่ไม่ลำบากจนเกินไป เพราะวินัยที่ท่านได้สร้างมาตั้งแต่แรกเริ่ม

เช่น นักศึกษาจบใหม่เริ่มทำงานได้รับเงินเดือน 15,000 บาท จัดสัดส่วนการทำประกันไว้ 10% นั่นคือ 1,500 บาทต่อเดือนหรือ 18,000 บาทต่อปี ในเวลาต่อมาเงินเดือนได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 50,000 บาท สัดส่วนการทำประกันยังคงไว้ที่ 10% หรือ 5,000 บาทต่อเดือนหรือ 60,000 บาทต่อปี

เจ้าของธุรกิจ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของประกันเป็นสำคัญ

สำหรับการจัดสัดส่วนเงินเพื่อการทำประกันของผู้ประกอบการธุรกิจ ควรเริ่มจากความสามารถในการแบ่งเงินเป็นก้อนออกมาในแต่ละปี โดยคำนวณจากรายได้จากการทำธุรกิจ สัดส่วนเงินที่แบ่งออกมาได้ของแต่ละท่านอาจไม่เท่ากัน และแต่ละธุรกิจของแต่ละท่านก็มีอัตรากำไรที่แตกต่างกัน

ดังนั้น การแบ่งสัดส่วนเงินเพื่อมาทำประกันของกลุ่มนี้ควรคำนึงถึงประโยชน์ของประกันเป็นสำคัญ เพราะท่านเป็นบุคคลหลักในการดำเนินธุรกิจ ประโยชน์ของประกันรวมถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วย เวลาที่ใช้ในการเข้าถึงสถานพยาบาล เวลารักษาตัวหรือพักฟื้น เงินก้อนที่ใช้ดูแลครอบครัว ภาระหนี้สินส่วนตัวและภาระหนี้สินกับธุรกิจ เงินก้อนที่ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ไม่สะดุด

การทำประกันนั้น รวมไปถึงเงินเก็บเพื่อการเกษียณและการศึกษาบุตรหลานในอนาคต หากผู้ประกอบการธุรกิจสามารถแบ่งเงินส่วนตัวแยกจากธุรกิจชัดเจนก็สามารถใช้หลัก 10-20% คล้ายกับหลักการคิดของคนรับเงินเดือนได้ โดยหากท่านได้ปกป้องความเสี่ยง เตรียมการเพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดีแล้ว ท่านสามารถโฟกัสการทำงานเพื่อพัฒนาธุรกิจของท่านได้อย่างดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นักวางแผนการเงิน ระบุว่า การวางแผนประกันที่ดีนั้นจะเป็นการลดความเสียหายจากความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด และปกป้องคุ้มครองตัวเอง ครอบครัวและทรัพย์สินที่เรามี ลดความสูญเสีย ไม่ให้เกิดความเสียหายที่มากจนเกินไป ในบางกรณีผู้ทำประกันยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้อย่างเร่งด่วนจากกรมธรรม์ของตนเองได้อย่างง่าย เพื่อนำมาใช้เวลาจำเป็นในสภาวะวิกฤตนี้ได้ วางแผนประกันยิ่งเริ่มได้เร็วยิ่งเป็นประโยชน์กับผู้ทำเอง


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ