
เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากสำหรับราคาประกันภัยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่หลายฝ่ายมองว่า ราคาแพงมากกว่าปกติ โดยในฝั่งของผู้ประกอบการบริษัทประกันวินาศภัย มองว่า ส่วนหนึ่งที่ราคาประกันดูแพงเพราะราคาตัวรถยนต์ได้รับส่วนลดจากภาครัฐ แต่เบี้ยประกันคิดที่ราคารถเต็ม และในขณะเดียวกันรถยนต์ไฟฟ้ายังใช้ชิ้นส่วนที่ไม่สามารถซ่อมแซ่มได้ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจอยู่ระหว่างการหาแนวทางปรับสูตรคำนวณเบี้ยประกันใหม่ และอาจส่งผลกระทบให้ราคาเบี้ยประกันอาจแพงขึ้น
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในอนาคตอาจมีทิศทางที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อสอดคล้องกับความเสี่ยงและการซ่อมแซมที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาป รวมถึงที่ผ่านมาราคาขายรถยนต์กับราคาเบี้ยประกันไม่สอดคล้องกันจากมาตรการของภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุน ยังมีสถิติในการทำเคลมประกันที่ยังไม่แน่นอน
“ทิศทางของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต น่าจะปรับเพิ่มขึ้น เพราะยังมีความเสี่ยงในหลายด้านที่ต้องประเมิน ประกอบกับชิ้นส่วนการประกอบของรถยนต์อีวี มีความแตกต่างกับรถยนต์สันดาปค่อนข้างมาก”
ทั้งนี้ในด้านราคาเบี้ยประกันรถอีวี ในปัจจุบันที่หลายคนมองวามีราคาสูงนั้นน่าจะเกิดจากราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนการซื้อรถยนต์อีวี 70,000-150,000 บาท/คัน ทำให้ราคารถยนต์นั้นถูกกว่าปกติแต่เบี้ยประกันจะไม่ถูกคิดในราคาส่วนลดลงด้วย
ยกตัวอย่าง รถยนต์ราคา 1 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเหลือ 9 แสนบาท แต่ในการคิดค่าเบี้ยประกันจะคำนวณที่ราคารถยนต์ หรือ ราคาซ่อม โดยไม่มีมาตรการสนับสนุนใดๆ จากภาครัฐทำให้ต้องคิดทุนประกันภัยของรถยนต์ในราคา 1 ล้านบาท ทำให้ค่าเบี้ยประกันดูราคาสูงกว่าปกติ
นอกจากนี้ หากพิจารณาในส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้า จะใช้กระจกเป็นชิ้นส่วนหรือวัสดุในการประกอบรถยนต์จำนวนมาก เพื่อที่จะลดต้นทุนในการผลิตและลดน้ำหนักของรถยนต์ลง หากเกิดอุบัติเหตุจะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกชิ้น แตกต่างจากรถยนต์สันดาปที่มีส่วนประกอบเป็นวัสดุที่ซ่อมแซมได้มากกว่า รวมถึงมีส่วนประกอบของแบตเตอรี่ที่ยังมีราคาต้นทุนไม่ชัดเจน
ขณะเดียวกันศักยภาพของรถยนต์มีความแตกต่างกับรถยนต์สันดาปอย่างมาก ทั้งอัตราเร่งของรถยนต์ ความเร็วและการขับที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งปัจจุบันจำนวนรถยนต์ยังมีอยู่น้อยและยังอยู่ในช่วงที่เก็บสถิติของรถยนต์อีวี ดังนั้นต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้หารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อหารือในการปรับโครงสร้างเบี้ยประกันภัยรถยนต์อีวีใหม่ โดยอาจจะมีการปรับสูตรคำนวณให้สอดคล้องกับความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงการขอความร่วมมือกับทางค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในการนำส่งอุปกรณ์ เพื่อช่วยในการประเมินราคาซ่อมให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้