
ปี 2568 ปีที่ค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือนกดทับ และความไม่แน่นอนเข้ามาใกล้ชีวิตคนไทยมากกว่าที่เคย บทเรียน "การเงิน" ร่วมแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนก้าวเข้าสู่ปีใหม่ที่ต้อง "ดีกว่าเดิม"
ตลอดทั้งปี 2568 ที่ผ่านมา “เรื่องเงิน” ไม่ใช่แค่ปัญหาส่วนบุคคลของใครคนใดคนหนึ่ง แต่กลายเป็นภาพสะท้อนร่วมของคนไทยจำนวนมาก ในวันที่ค่าครองชีพขยับขึ้นเร็วกว่ารายได้ หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เคย
ในบริบทเช่นนี้ การใช้ชีวิตให้ “อยู่รอด” ทางการเงิน จึงไม่ใช่ทางเลือก หากแต่กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของทั้งสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากย้อนไปเมื่อต้นปี หลายครอบครัว อาจเริ่มต้นด้วยความหวังคล้ายกันว่า ถ้าอดทนอีกนิด รายได้ดีขึ้นอีกหน่อย ทุกอย่างคงจะคลี่คลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงกลับชัดเจนขึ้นว่า ค่าใช้จ่ายไม่ได้รอให้ใครพร้อม ดอกเบี้ยไม่ได้ผ่อนปรนเพราะเศรษฐกิจยาก และภาระทางการเงินจำนวนมากไม่ได้ลดลงตามความตั้งใจ หากไม่มีการจัดการอย่างจริงจัง
ภาพนี้สะท้อนชัดจากผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2568 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่พบว่า ภาคครัวเรือนยังคงเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงถึง 740,596 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 22% จากปีก่อน ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่มีรายได้อยู่ในช่วง 50,001-100,000 บาทต่อเดือน
แม้กว่า 59.3% ของครัวเรือนยังสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด แต่ในอีกด้านหนึ่ง เกือบ 40% กลับอยู่ในกลุ่มเปราะบาง ชำระหนี้ได้ไม่เกิน 6 เดือน หรือเสี่ยงไม่สามารถชำระได้เลย และในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ครัวเรือนไทยถึง 74.4% เคยผิดนัดชำระหนี้ โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ที่ลดลง ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย การตกงาน และภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ท่ามกลางแรงกดดันเหล่านี้ คนจำนวนไม่น้อยเลือกจะ “เลี่ยง” การเผชิญหน้ากับเรื่องเงิน เลี่ยงการดูยอดหนี้ เลี่ยงการคำนวณรายจ่ายจริง และเลี่ยงการยอมรับว่าบางไลฟ์สไตล์อาจเกินกำลัง เพราะการยอมรับความจริงทางการเงิน ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีในทันที แต่มักพาไปสู่ความรู้สึกผิด ความกังวล และความรู้สึกว่าตัวเองกำลังตามหลังคนอื่นอยู่เสมอ
หนึ่งในกับดักสำคัญที่ยังฉุดรั้งคนไทยจำนวนมาก คือการใช้ชีวิตภายใต้มาตรฐานที่สังคมคาดหวัง มากกว่าความพร้อมที่แท้จริง ไลฟ์สไตล์ที่ต้อง “ดูไม่ลำบาก” การผ่อนเพื่อรักษาภาพของความปกติ และการใช้จ่ายเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองหลุดออกจากสังคม อาจช่วยประคองความรู้สึกในระยะสั้น แต่กลับเพิ่มต้นทุนทางการเงินในระยะยาวอย่างเงียบ ๆ
ปีนี้จึงตอกย้ำความจริงว่า ปัญหาการเงินไม่ได้เกิดจากการหาเงินได้น้อยเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นผลจากโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่ตึงตัว หนี้ที่สะสมมานาน และการขาดพื้นที่ให้คนธรรมดาได้ตั้งหลักอย่างแท้จริง เงินฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในระบบเศรษฐกิจที่ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ขณะที่เครดิตทางการเงิน กลายเป็นเกราะบาง ๆ ที่ช่วยพยุงชีวิตในวันที่ตัวเลือกมีอยู่อย่างจำกัดและเมื่อมองย้อนกลับไป บทเรียนหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ คือ ถ้าย้อนเวลากลับไปต้นปีนี้ได้ คนไทยจำนวนมากอาจเลือก “จัดการเงิน” ต่างจากเดิม ด้วย 5 เรื่องนี้
1.กล้าดูตัวเลขจริงของชีวิต
หลายคนไม่ได้ล้มเพราะรายได้น้อย แต่ล้มเพราะไม่เคยกล้ามองตัวเลขจริงของตัวเอง ยอดหนี้ที่สะสม รายจ่ายเล็ก ๆ ที่รวมกันเป็นก้อนใหญ่ หรือดอกเบี้ยที่กินอนาคตเงียบ ๆ ปีนี้สอนเราว่า การไม่รู้สถานะการเงินของตัวเอง คือความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง และการ “ยอมรับความจริง” คือจุดเริ่มต้นของการแก้ไขที่แท้จริง
2.แยกให้ออกระหว่าง “สิ่งจำเป็น” กับ “ไลฟ์สไตล์”
ในปีที่ค่าครองชีพขึ้นเร็วกว่ารายได้ หลายคนยังติดกับดักการใช้เงินเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตในแบบเดิม ทั้งที่บริบทชีวิตเปลี่ยนไปแล้ว บทเรียนของปีนี้คือ ไลฟ์สไตล์ที่ต้องพึ่งหนี้ อาจทำให้วันนี้ดูปกติ แต่พรุ่งนี้เปราะบางกว่าที่คิด
3.หยุดผ่อนเพื่อรักษาภาพของความปกติ
การผ่อนทุกอย่างให้ชีวิตดูไม่สะดุด อาจทำให้ภาระการเงินหนักขึ้นแบบไม่รู้ตัว ปีนี้ทำให้หลายคนเห็นชัดว่า การยอมถอยหนึ่งก้าวทางภาพลักษณ์ อาจเป็นทางเดียวที่ทำให้ชีวิตไปต่อได้จริงในระยะยาว
4.ให้ความสำคัญกับเงินสำรอง
มากกว่าความฝันที่ยังไม่พร้อมเหตุการณ์ไม่คาดฝันในปีนี้ ทำให้คำว่า “เงินฉุกเฉิน” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันไม่ใช่เงินของคนคิดลบ แต่คือกันชนของคนที่ยังอยากมีโอกาสเลือก ในวันที่รายได้สะดุด หรือชีวิตเปลี่ยนทิศกะทันหัน
5.เริ่มจากสิ่งเล็กที่สุด แต่เริ่มจริง
หลายคนรอให้รายได้เพิ่ม หนี้ลด หรือชีวิตพร้อมก่อน แต่ปีนี้พิสูจน์แล้วว่า ความพร้อมอาจไม่เคยมาถึง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มจากจุดเล็กที่สุด แม้แค่หยุดเพิ่มหนี้ หรือเริ่มบันทึกรายจ่าย ก็ถือว่าเปลี่ยนทิศทางชีวิตทางการเงินแล้ว
แม้หลายคนจะรู้สึกว่า ปีนี้ไม่ได้ก้าวหน้า ไม่ได้เก็บเงินได้มากขึ้น หรือยังหลุดพ้นจากหนี้ไม่ได้ แต่การที่คนจำนวนมากยังสามารถประคองชีวิต รับผิดชอบครอบครัว และไม่ปล่อยให้ปัญหาทางการเงินพังทุกอย่างไปพร้อมกัน นั่นไม่ใช่ความล้มเหลว หากแต่เป็นภาพของความอดทนที่ต้องแลกมาด้วยพลังมหาศาล
เมื่อปีที่หนักกำลังจะผ่านไป การเริ่มต้นใหม่ทางการเงินในปีหน้า อาจไม่ต้องยิ่งใหญ่ ไม่ต้องเปลี่ยนทุกอย่างในทันที แต่อาจเริ่มจากการตั้งหลักอย่างซื่อสัตย์กับชีวิต ลดความกดดันจากการเปรียบเทียบ และให้ความสำคัญกับความมั่นคงมากกว่าภาพลักษณ์เพราะในโลกที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติการมีชีวิตที่ “ไปต่อได้” อย่างไม่เปราะบางเกินไป อาจเป็นเป้าหมายทางการเงินที่มีคุณค่ามากที่สุดแล้ว
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney