
5 พฤติกรรมพื้นฐาน ที่สร้างเครดิตได้จริง เมื่อเครดิตไม่ดี อาจทำให้ชีวิตแพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลายคนมองว่า “เครดิตทางการเงิน” เป็นเรื่องเฉพาะของคนที่กำลังจะกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือทำธุรกิจ แต่ในความเป็นจริง เครดิตคือกลไกสำคัญที่กำหนด ต้นทุนชีวิต ของคนทุกกลุ่ม ตั้งแต่วัยเรียน คนเริ่มทำงาน ไปจนถึงคนที่มีรายได้มั่นคงแล้ว เพราะเครดิตไม่ได้วัดว่าใครรวยหรือไม่รวย
หากแต่วัดว่าใครมีวินัย ความสม่ำเสมอ และความน่าเชื่อถือทางการเงินมากน้อยแค่ไหน และเมื่อเครดิตไม่ดี ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่แค่ “กู้ไม่ผ่าน” แต่คือการต้องจ่ายแพงกว่าคนอื่นในทุกจังหวะสำคัญของชีวิต
เครดิตทางการเงินทำหน้าที่เสมือนประวัติพฤติกรรมที่ระบบการเงินใช้ประเมินว่าเราควรได้รับโอกาสในระดับใด ตั้งแต่อัตราดอกเบี้ย วงเงิน ไปจนถึงเงื่อนไขการอนุมัติ คนที่มีเครดิตดีอาจได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อภาระหนี้ยาวนานหลายสิบปี ส่วนต่างเล็ก ๆ นั้นสามารถกลายเป็นเงินหลักแสนหรือหลักล้านที่ประหยัดได้โดยไม่ต้องเพิ่มรายได้แม้แต่บาทเดียว
ในทางกลับกัน คนที่เครดิตไม่ดีมักต้องเผชิญต้นทุนที่สูงกว่า ทั้งดอกเบี้ยแพง วงเงินจำกัด หรือถูกปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ทันมีโอกาสอธิบายศักยภาพของตนเอง
สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ เครดิตไม่ได้เริ่มต้นในวันที่อยากกู้เงินก้อนใหญ่ แต่เริ่มจากการตัดสินใจเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การใช้บัตรเครดิตใบแรก การผ่อนสินค้า ไปจนถึงการจ่ายหนี้ตรงเวลาหรือผิดนัด พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกบันทึกและสะสมเป็นภาพรวมความน่าเชื่อถือในระยะยาว การจ่ายล่าช้าเพียงไม่กี่ครั้ง หรือการใช้วงเงินจนเต็มเป็นประจำ อาจสะท้อนความเสี่ยงในสายตาสถาบันการเงิน แม้รายได้บนกระดาษจะดูดีเพียงใดก็ตาม
1. ชำระหนี้ตรงเวลาให้ “สม่ำเสมอ”
ไม่ใช่แค่บางเดือนการจ่ายหนี้ตรงกำหนดคือสัญญาณที่ชัดที่สุดของความรับผิดชอบทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือการผ่อนสินค้า เพราะระบบไม่ได้มองแค่ยอดเงินที่จ่าย แต่ดู “ความต่อเนื่องของพฤติกรรม” การจ่ายช้าหรือผิดนัดเพียงไม่กี่ครั้ง อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในระยะยาวมากกว่าที่คิด ขณะที่การจ่ายตรงเวลาทุกเดือน แม้ยอดไม่สูง ก็ช่วยสะสมประวัติเครดิตที่ดีได้อย่างมั่นคง
2. ใช้หนี้ให้อยู่ในระดับที่รับไหว อย่าปล่อยให้การเงินตึงมือ
การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่หนี้ที่มากเกินไป โดยเฉพาะการใช้วงเงินบัตรเครดิตจนเกือบเต็มตลอดเวลา อาจสะท้อนว่าการเงินอยู่ในภาวะเปราะบาง สถาบันการเงินไม่ได้ดูแค่ว่าจ่ายครบหรือไม่ แต่ดูว่าหลังจ่ายแล้ว ยังเหลือความสามารถในการรับภาระเพิ่มหรือไม่ การใช้หนี้อย่างพอดีจึงช่วยส่งสัญญาณว่าคุณควบคุมการใช้เงินได้ และพร้อมรับผิดชอบภาระในอนาคต
3. ให้รายได้และรายจ่าย “เดินผ่านบัญชี” อย่างสม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนความมั่นคงทางรายได้ เงินเดือน รายได้เสริม หรือค่าจ้างอิสระ หากมีการไหลเข้าออกอย่างต่อเนื่อง จะช่วยยืนยันกระแสเงินสดในชีวิตจริง มากกว่าตัวเลขรายได้ที่แจ้งไว้เพียงอย่างเดียว สำหรับคนที่ยังไม่มีประวัติสินเชื่อมากนัก การมีบัญชีที่เคลื่อนไหวสม่ำเสมอคือจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างเครดิต
4. มีเงินออมแยกต่างหาก เพื่อไม่ให้ทุกปัญหาต้องแก้ด้วยหนี้
บัญชีออมเงินที่สะสมอย่างต่อเนื่องสะท้อนว่าคุณมีแผนรองรับความเสี่ยง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหนี้ทุกครั้งที่เกิดเหตุฉุกเฉิน แม้เงินออมจะไม่ได้ถูกนำมาคิดเป็นคะแนนเครดิตโดยตรง แต่ช่วยเสริมภาพรวมความมั่นคงทางการเงิน และลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่รายได้สะดุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบให้ความสำคัญอย่างมาก
5. วางแผนการเงินและการลงทุนอย่างเหมาะสมในระยะยาว
การลงทุนที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของตนเอง และทำอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงการวางแผนการเงินที่มีระบบ ไม่ใช่การใช้เงินตามอารมณ์ แม้จะเริ่มจากจำนวนไม่มาก แต่ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ เพราะสะท้อนวินัยทางการเงิน ซึ่งเป็นคุณสมบัติเดียวกับที่สถาบันการเงินมองหาเมื่อพิจารณาให้สินเชื่อในอนาคต
ท้ายที่สุด เครดิตทางการเงินไม่ใช่เรื่องของการใช้เงินเก่ง แต่คือเรื่องของการบริหารความน่าเชื่อถือในระยะยาว การเริ่มสร้างเครดิตตั้งแต่วันที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้มัน คือการลดต้นทุนชีวิตในอนาคต และทำให้เมื่อโอกาสมาถึง เราไม่ต้องจ่ายแพง เพียงเพราะเคยมองข้ามเรื่องที่ดูเล็กน้อยในวันนั้น
ที่มา : บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney